2410.Azumino
Rail Travel

สัมผัสเสน่ห์ 4 ฤดูบนทางรถไฟสาย Suigun!

สัมผัสเสน่ห์ 4 ฤดูบนทางรถไฟสาย Suigun!

คุณเคยเดินทางโดยทางรถไฟสาย Suigun (水郡線 Suigun-sen) มาก่อนหรือไม่? ทางรถไฟสายนี้เชื่อมระหว่างสถานี JR Mito (JR水戸駅 Mito-eki) ในจังหวัดอิบารากิ (茨城県) และสถานี JR Asaka-Nagamori (JR安積永盛駅 Asaka-Nagamori-eki) ในจังหวัดฟุกุชิม่า (福島県) โดยรถไฟทุกขบวนของทางรถไฟสายนี้ต่างวิ่งต่อไปอีกเป็นระยะทางสั้นๆ ตามทางรถไฟสายหลัก Tōhoku (東北本線 Tōhoku-honsen) ก่อนที่จะสิ้นสุดการให้บริการที่สถานี JR Kōriyama (JR郡山駅 Kōriyama-eki)

 

ทางรถไฟสายนี้ยังมีสายย่อย Hitachi-Ōta ที่แตกออกไปจากทางรถไฟสายหลัก ณ สถานี JR Kami-Sugaya (JR上菅谷駅 Kami-Sugaya-eki) และไปสิ้นสุดที่สถานี JR Hitachi-Ōta (JR常陸太田駅 Hitachi-Ōta-eki) และนี่คือเกร็ดความรู้สนุกๆ สำหรับคุณ ชื่อทางรถไฟ “Suigun (水郡)” เป็นการรวมตัวอักษรคันจิตัวแรกในชื่อของสถานีปลายทางเข้าด้วยกัน ได้แก่สถานี JR Mito (戸駅) และสถานี JR Kōriyama (山駅) นั่นเอง นอกจากนี้ สถานีรถไฟจำนวนหนึ่งในโซนจังหวัดอิบารากิของทางรถไฟสายนี้มีคำว่า "Hitachi" (常陸) อยู่ในนั้น เพราะคำนี้คือชื่อเก่าของจังหวัดอิบารากินั่นเอง

 

ที่ตั้งของทางรถไฟสาย Suigun (เครดิตภาพ: Google Maps)

 

ทางรถไฟสาย Suigun เป็นหนึ่งในทางรถไฟที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักในพื้นที่นี้ โดยเส้นทางนี้วิ่งผ่านพื้นที่ชนบทของจังหวัดอิบารากิและฟุกุชิม่า อย่างไรก็ตาม ยังมีของดีที่ซ่อนอยู่และจุดท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นที่พบได้ใกล้ๆ สถานีรถไฟของทางรถไฟสายนี้ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถไฟมีความสุขได้แน่นอน

 

สำหรับบทความนี้ มาสำรวจทางรถไฟสาย Suigun และดูจุดท่องเที่ยวที่น่าทึ่งที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้เราได้รู้จักเสน่ห์และความงดงามของทั้งสองจังหวัดไปด้วยในตัว อ่านต่อเลยถ้าคุณรักการท่องไปตามทางรถไฟที่จะพาคุณผ่านพื้นที่ชนบทอันมีเสน่ห์และเงียบสงบ!

 

เส้นทาง (รถไฟ) สู่การฟื้นฟู

รถไฟซีรีส์ KiHA E130-0 บนทางรถไฟสาย Suigun (เครดิต: photoAC)

 

ทางรถไฟสาย Suigun เป็นทางรถไฟที่วิ่งผ่านย่านชนบทของจังหวัดอิบารากิและจังหวัดฟุกุชิม่า และผู้โดยสารที่เดินทางบนทางรถไฟสายนี้จะได้สัมผัสกับมุมที่เงียบสงบและสวยงามของทั้งสองจังหวัด โดยบรรดารถไฟที่วิ่งบนทางรถไฟสายนี้คือรถไฟซีรีส์ KiHa E130 (キハE130系 Kiha E130-kei) ที่วิ่งให้บริการมาตั้งแต่ปี 2007

 

ซีรีส์รถไฟนี้มีทั้งหมดสามรุ่น รุ่นที่วิ่งบนทางรถไฟสาย Suigun คือซีรีส์ E130-0 ส่วนซีรีส์ E130-100 ถูกใช้งานบนทางรถไฟสาย JR Kururi ในจังหวัดชิบะ และซีรีส์ E130-500 วิ่งไปตามทางรถไฟสาย JR Hachinohe ในจังหวัดอิวาเตะ รถไฟเหล่านี้ยังมีลายสีสดเด่นประจำขบวน ได้แก่สีเหลือง แดง และสีน้ำเงินอมเขียว ตามแต่ว่าวิ่งบนทางรถไฟสายไหน

 

แม่น้ำคุจิ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ในเรื่องของการฟื้นฟูนั้น ทางรถไฟสาย Suigun มีเรื่องราวที่น่าจดจำอยู่ ส่วนต่อขยายของทางรถไฟสายนี้วิ่งล้อไปตามแม่น้ำคุจิ (久慈川 Kuji-gawa) และในวันที่ 13 ตุลาคม 2019 สะพานแห่งหนึ่งที่พาดข้ามแม่น้ำถูกพายุไต้ฝุ่นฮากีบิสพัดเสียหาย ทำให้เส้นทางช่วงระหว่างสถานีรถไฟ JR Saigane (JR西金駅 Saigane-eki) และสถานี JR Hitachi-Daigo (JR常陸大子駅 Hitachi Daigo-eki) ชำรุดและต้องถูกแทนด้วยบริการรถบัสจนกว่าสะพานจะซ่อมแซมเสร็จ การซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์ในที่สุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2021 และตั้งแต่นั้นรถไฟสามารถกลับมาวิ่งในเส้นทางช่วงนี้ได้อีกครั้ง

 

แผนที่ทางรถไฟสาย Suigun ในจังหวัดอิบารากิและจุดท่องเที่ยวโดยรอบ (เครดิตภาพ: Google Maps)

 

ทางรถไฟสาย Suigun ไม่ได้มีผู้โดยสารใช้บริการมากเท่ากับทางรถไฟสายหลักอื่นๆ ในท้องที่ แต่มันมีเซอร์ไพรส์ต่างๆ อยู่ใกล้ทางรถไฟที่ให้คุณไปค้นพบได้ ลองมาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้างและคุณจะไปยังที่เหล่านี้ได้อย่างไร

 

① สถานี JR Fukuroda (JR袋田駅)

สถานี JR Fukuroda (เครดิต: photoAC)

 

เราเริ่มการเดินทางกันที่สถานี JR Fukuroda ที่ตั้งอยู่ในเมืองไดโกะ (大子町 Daigo) ณ ทางตอนเหนือของจังหวัดอิบารากิ สถานีรถไฟที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1927 นั้น ในปัจจุบันมีจุดเด่นคือกระท่อมซุงไม้เก่าแก่มีเสน่ห์ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1991 สำหรับใช้เป็นอาคารสถานีรถไฟ โดยสถานีรถไฟที่น่าหลงใหลแห่งนี้ยังเป็นจุดแวะเพื่อไปยังจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังที่ถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

 

น้ำตกฟุคุโรดะ (袋田の滝)

น้ำตกฟุคุโรดะ (เครดิตภาพ: 大子町観光協会提供)

 

น้ำตกฟุคุโรดะตั้งอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตรจากสถานี JR Fukuroda และเป็นน้ำตกสุดงดงามที่ถือเป็นความภาคภูมิใจของเมืองไดโกะ น้ำตกแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน National Place of Scenic Beauty (特別名勝 tokubetsu meishō) และเป็นหนึ่งใน 100 อันดับสุดยอดน้ำตกของญี่ปุ่น แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือน้ำตกนี้เป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น (日本三名瀑 Nihon Sanmeibaku) ร่วมกับน้ำตกเคะกงในจังหวัดโทจิงิและน้ำตกนาจิในจังหวัดวากายามะ

 

หน้าผาสี่ชั้นอันขึ้นชื่อของน้ำตกฟุคุโรดะ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

น้ำตกฟุคุโรดะมีความสูงอยู่ที่ 120 ม. และกว้าง 73 ม. และสิ่งที่ทำให้น้ำตกแห่งนี้ไม่เหมือนใครก็คือหน้าผาสี่ชั้นนั่นเอง นักท่องเที่ยวสามารถชมสายน้ำที่ตกลดหลั่นลงมาตามชั้นทั้งสี่ได้ ซึ่งทำให้น้ำตกแห่งนี้สวยเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงมันมีอีกชื่อหนึ่งด้วย นั่นคือ ยงโดะ โนะ ทาคิ (四度の滝 น้ำตกสี่ชั้น)

 

ระเบียงชมน้ำตกฟุคุโรดะ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ในการเดินทางไปยังน้ำตกฟุคุโรดะนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางผ่านอุโมงค์คันซุย (観瀑トンネル) ที่ยาว 276 ม. ได้ ซึ่งจะพาคุณไปยังระเบียงชมวิวที่สามารถชมวิวของน้ำตกได้แบบเต็มตา ตัวระเบียงนั้นมีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถชมวิวน้ำตกในมุมที่กว้างขึ้นไปอีกได้จากระดับความสูง 50 ม. เหนือพื้นที่ระเบียงชั้นบน และจะชมวิวใกล้ๆ ได้จากระเบียงชั้นล่าง ลองไปชมให้ได้ทั้งคู่เลยนะ แล้วคุณจะทึ่งกับวิวของน้ำตกที่เห็นได้จากมุมต่างๆ !

 

ความงามตามฤดูกาลของน้ำตกฟุคุโรดะ (เครดิตภาพ: 茨城県)

 

ช่วงเวลายอดนิยมสำหรับการไปเยือนน้ำตกฟุคุโรดะก็คือฤดูใบไม้ร่วงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาที่ใบไม้สีแดงและทองจะรายล้อมน้ำตก ทำให้วิวที่นี่ดูราวกับภาพวาดทิวทัศน์ชั้นเยี่ยม อย่างไรก็ตาม น้ำตกในฤดูอื่นๆ ก็สวยงามไม่แพ้กัน ลองมาเที่ยวในฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยแมกไม้สีเขียวขจี หรือในฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสเห็นน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็งซึ่งหาชมได้ยาก!

 

Daigo Light (เครดิตภาพ: 茨城県観光物産協会)

 

ถ้าคุณวางแผนจะมาเที่ยวน้ำตกฟุคุโรดะในช่วงปลายปี งั้นคุณจะเจอเซอร์ไพรส์สุดยิ่งใหญ่แน่นอน ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงปลายเดือนมกราคมจะมีการจัด Daigo Light (ダイゴライト Daigo-Raito) ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีการเปิดไฟประดับน้ำตกหลังพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้มันกลายเป็นภาพที่ชวนตื่นตา งานนี้ถือเป็นธรรมเนียมท้องถิ่นของเมืองไดโกะและเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์สำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน

 

ไฟประดับในอุโมงค์ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงงานอีเวนต์นี้อุโมงค์คันซุยเองก็จะถูกประดับด้วยโคมไฟลายวิจิตรด้วยเช่นกัน ตัวอุโมงค์จะกลายร่างเป็นแกลเลอรี่มหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยภาพธีมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบให้พิเศษสุดๆ

 

Daigo Light (大子来人〜ダイゴライト〜)
วัน / เวลา:
   1 ตุลาคม–30 พฤศจิกายน: พระอาทิตย์ตก–20:00 น.
   1 ธันวาคม–31 มกราคม: พระอาทิตย์ตก–19:00 น.
สถานที่: น้ำตกฟุคุโรดะและอุโมงค์คันซุย
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 300 เยน
(หมายเหตุ: รถบัสคันสุดท้ายที่มุ่งหน้าไปยังน้ำตกฟุคุโรดะ / สถานี JR Fukuroda จะปิดให้บริการราวๆ บ่าย 3 โมง นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังอีเวนต์ควรวางแผนการเดินทางในช่วงเวลานี้)

 

น้ำตกนามาเสะ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

อยากไปค้นพบน้ำตกอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ หรือไม่? นักท่องเที่ยวที่เดินทางออกจากน้ำตกฟุคุโรดะจะเจอกับทางเดินสะพานแขวนที่เชื่อมกับอุโมงค์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถข้ามสะพานและเดินป่าอีก 30 นาทีเพื่อไปยังน้ำตกนามาเสะ (生瀬滝 Namase-daki) ได้ น้ำตกที่เงียบสงบแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องกระแสน้ำที่ไหลเอื่อยซึ่งต่างกับสายน้ำเสียงกัมปนาทของน้ำตกฟุคุโรดะลิบลับ ทำให้การมาเที่ยวที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ดีแบบได้อารมณ์คนละแบบ

 

น้ำตกฟุคุโรดะ (袋田の滝)
ที่ตั้ง: Fukuroda, Daigo-chō, Kuji, Ibaraki 319-3523
การเดินทาง: จากสถานี JR Fukuroda (JR袋田駅) นั่งรถบัสท้องถิ่น 10 นาทีไปลงที่ป้าย Takimoto (滝本) เดินจากป้าย 5-10 นาทีเพื่อไปยังทางเข้าไปยังอุโมงค์ที่นำไปยังน้ำตก
เวลาทำการ:
   8:00–18:00 น. (1 พฤษภาคม–31 ตุลาคม)
   8:00–17:00 น. (1–30 พฤศจิกายน)
   9:00–17:00 น. (1 ธันวาคม–30 เมษายน)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 300 เยน

 

บ่อน้ำพุร้อนต่างๆ ที่ฟุคุโรดะออนเซ็น (เครดิตภาพ: 袋田温泉思い出浪漫館)

 

สนใจค้างคืนในละแวกน้ำตกฟุคุโรดะใช่ไหม? พื้นที่รอบๆ น้ำตกมีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็น (袋田温泉 Fukuroda-onsen) และมีที่พักพร้อมออนเซ็นหลายแห่ง ลองนึกภาพการได้แช่น้ำพุร้อนโดยมีธรรมชาติสวยงามแสนสงบของไดโกะรายล้อม ฟังดูเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยว่าไหม?

 

② สถานี JR Hitachi-Ōta (JR常陸太田駅)

สถานี JR Hitachi-Ōta (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ต่อไปเรามาดูสถานี JR Hitachi-Ōta อันเป็นสถานีปลายทางของทางรถไฟสายย่อย Hitachi-Ōta ในทางรถไฟสาย Suigun กัน สถานีรถไฟแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1899 และเดิมถูกตั้งชื่อว่าสถานี Ōta (太田駅) จนกระทั่งถูกเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบันในปี 1927 และอาคารสถานีปัจจุบันถูกสร้างเสร็จในปี 2011

 

ที่นี่ทำหน้าที่เป็นจุดหมายหลักในการลงรถไฟไปยังหนึ่งในสะพานที่ตระการตาที่สุดในภูมิภาคและในทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น

 

สะพานแขวนริวจิน (竜神大吊橋)

สะพานแขวนริวจิน (เครดิตภาพ: 茨城県観光物産協会  และ Zekkei×IBARAKI2017)

 

ให้ตาของคุณได้อิ่มเอมไปกับสะพานแขวนริวจินสุดยิ่งใหญ่ที่พาดสูง 100 ม. เหนือทะเลสาบริวจิน (竜神湖 Ryūjin-ko) อันงดงาม ด้วยความยาวร่วม 375 ม. มันจึงถือเป็นหนึ่งในสะพานคนเดินที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และดีไซน์ของมันได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานมังกรที่ว่ากันว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบเบื้องล่าง (ชื่อทะเลสาบ “ริวจิน” แปลได้ว่าเทพมังกร) อันที่จริง ว่ากันว่ารูปร่างของทะเลสาบเบื้องล่างก็ดูเหมือนมังกรด้วยนะ!

 

นักท่องเที่ยวที่มายังสะพานจะตื่นตาไปกับสีน้ำเงินครามสดของมันและภาพมังกรอันน่าทึ่งที่พบเห็นได้บนกำแพงของสะพาน ยิ่งเมื่อประกอบกับท้องฟ้าสีครามใสและความงามแบบธรรมชาติบริสุทธิ์ของหุบเขารอบๆ ที่เปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาลแล้วล่ะก็ จะเกิดเป็นภาพวิวทิวทัศน์ชั้นเยี่ยมของสะพานที่พร้อมจะทำให้ทุกคนตะลึงงันอย่างแน่นอน

 

วิวพาโนรามาของสะพานในฤดูร้อน (ซ้าย) และฤดูใบไม้ร่วง (ขวา, ล่าง) (เครดิตภาพ: 茨城県観光物産協会 (ซ้าย), 茨城県 (ขวา), photoAC (ล่าง))

 

อยากเห็นอะไรที่มีความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมและมีเสน่ห์จับใจหรือไม่? ถ้าคุณมาเที่ยวที่สะพานช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม คุณจะได้สัมผัสกับงาน Ryujinkyo Carp Streamer Festival (竜神峡鯉のぼりまつり Ryūjinkyō Koinobori Matsuri) ที่ธงปลาคาร์ป (鯉のぼり koinobori) จำนวน 1,000 ผืนจะถูกแขวนบนสายลวดยาว 1 กม. ที่ทอดตัวไปตามสะพาน ด้วยปลาคาร์ปที่โบกไสวอยู่กลางอากาศ ทำให้ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังว่ายน้ำอย่างมีชีวิตชีวาในอากาศท่ามกลางแมกไม้สีเขียวรอบๆ ในฤดูร้อนทีเดียว!

 

Ryujinkyo Carp Streamer Festival (เครดิตภาพ: 茨城県観光物産協会)

 

นอกจากวิวยอดเยี่ยมที่ชมได้จากบนสะพานแล้ว คุณยังร่วมเล่นกิจกรรมกลางแจ้งน่าตื่นเต้นเช่นพายเรือแคนูและพาย Stand Up Paddle Board (SUP) ในทะเลสาบเบื้องล่างได้ หรือถ้าพร้อมลุยกับอะไรที่ตื่นเต้นกว่านั้นอยู่ มาลองกระโดดบันจี้จัมพ์จากบนสะพานดู ด้วยความสูงที่ 100 ม. มันจึงเป็นหนึ่งในบันจี้จัมพ์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และว่ากันว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่เยี่ยมที่สุดสำหรับการสัมผัสกับวิวโดยรอบ ลองดูนะถ้าคุณไม่กลัวความสูง!

 

สะพานแขวนริวจิน (竜神大吊橋)
ที่อยู่: 2133-6 Kegano-cho, Hitachiota-shi, Ibaraki 313-0351
การเดินทาง: จากสถานี JR Hitachi-Ōta (JR常陸太田駅) นั่งรถบัส Ibaraki Kōtsū (茨城交通) 40 นาทีไปลงที่ป้าย Ryūjin-ōtsuribashi (竜神大吊橋) สะพานจะอยู่ข้างป้ายรถบัส
*เวลาทำการ: 8:30–17:00 น. ทุกวัน
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 320 เยน
(*หมายเหตุ: สะพานอาจจะปิดทำการในบางวันที่สภาพอากาศไม่เหมาะสม)

 

③ สถานี JR Mito (JR水戸駅)

สถานี JR Mito (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ถัดไปเราข้ามมาที่สถานี JR Mito หนึ่งในสถานีปลายทางของทางรถไฟสาย Suigun กัน สถานีรถไฟแห่งนี้รองรับทางรถไฟรวมทั้งหมดสามสายด้วยกัน โดยที่อีกสองสายได้แก่ทางรถไฟสาย Jōban (常磐線 Jōban-sen) และทางรถไฟสาย Ōarai-Kashima (鹿島臨海鉄道大洗鹿島線 Kashima Rinkai Tetsudō Ōarai Kashima-sen) ของ Kashima Rinkai Railway

 

นอกจากสถานีนี้จะทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหลักของจังหวัดอิบารากิแล้ว มันยังเป็นจุดตั้งต้นสำหรับการไปยังจุดท่องเที่ยวน่าตื่นเต้นหลายแห่งที่คุณเที่ยวได้ในมิโตะ (水戸市) เมืองหลวงของจังหวัดอิบารากิด้วย

 

สวน Kairakuen (偕楽園)

สวน Kairakuen (เครดิตภาพ: 茨城県観光物産協会)

 

คุณรู้ไหม? ว่าหนึ่งในสามสวนที่มีภูมิทัศน์ดีที่สุดในญี่ปุ่น (日本三名園 Nihon Sanmeien) นั้นอยู่ไม่ไกล เพียงนั่งรถบัสแป๊บเดียวจากสถานี JR Mito เท่านั้นเอง สวน Kairakuen เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดในเมืองมิโตะ และที่นี่เป็นจุดที่ต้องไปเที่ยวให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณชื่นชอบวิวตามฤดูกาล

 

แมกไม้ฤดูใบไม้ร่วงที่ Kobuntei ของสวน Kairakuen (เครดิตภาพ: 茨城県観光物産協会)

 

สวน Kairakuen ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าแคว้นในท้องที่นามโทคุกาวะ นาริอากิ (徳川斉昭) ในปี 1841 ในฐานะสวนที่ทั้งเจ้าผู้ครองแคว้นและคนทั่วไปสามารถเข้ามาผ่อนคลายได้ ดังนั้น ทุกคนจึงเข้ามาเพลิดเพลินไปกับความงามของสวนแห่งนี้ได้ ซึ่งจะต่างกับอีกสองสวนที่มีภูมิทัศน์ดีที่สุดในญี่ปุ่น ได้แก่สวน Kenrokuen (兼六園) ในคานาซาว่า และสวน Kōrakuen (後楽園) ในโอคายาม่า จุดนี้ถูกสื่อให้เห็นในชื่อของสวนด้วย เพราะชื่อ Kairakuen แปลได้ว่า “สวนสำหรับเพลิดเพลินไปด้วยกัน” โดยในปี 1922 สวนแห่งนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นจุดวิวสวยงามแห่งชาติ (National Place of Scenic Beauty)

 

หลักๆ แล้วสวนแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมดอกบ๊วย (梅 ume) ซึ่งดอกไม้ที่วิจิตรงามตาเหล่านี้มักบานตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป และสวนแห่งนี้มีต้นบ๊วยมากถึง 3,000 ต้นจาก 100 สายพันธุ์ ช่วงที่ดีที่สำหรับชมดอกไม้ที่บานเต็มที่คือในงาน Plum Blossom Festival (梅まつり Ume Matsuri)  ประจำปี ในช่วงงานนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมเฉดสีชมพูและขาวสวยงามที่ปกคลุมไปทั่วทั้งสวน

 

การเปิดไฟประดับยามค่ำที่สวน Kairakuen (เครดิตภาพ: 茨城県観光物産協会 และ ©Zekkei×IBARAKI2019秋色賞)

 

แม้ว่านักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาที่สวน Kairakuen เพื่อชมดอกบ๊วย แต่แมกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเองก็สวยไม่แพ้กัน พื้นที่สวนจะปกคลุมไปด้วยใบเมเปิ้ลสีแดงเข้มสะดุดตา ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้แดงยอดนิยมในเมืองมิโตะ

 

และถ้าคุณจะมาเที่ยวสวน Kairakuen ตอนค่ำในฤดูใบไม้ร่วง คุณจะได้ความพิเศษไปอีกขั้น เพราะคุณจะได้ชมการเปิดไฟประดับยามค่ำคืนที่มีเสน่ห์ในช่วงฤดูกาลนี้ด้วย พื้นที่สวนจะมีการเปิดไฟส่องสว่างที่เสริมให้แมกไม้ที่ตระการตาอยู่แล้วเด่นยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้แมกไม้เหล่านั้นยิ่งสวยน่ามองกว่าเดิม มันเป็นภาพสุดประทับใจที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด ดังนั้นการมาเที่ยวสวนในฤดูใบไม้ร่วงเป็นอะไรที่คุ้มค่าแน่นอน

 

สวน Kairakuen (偕楽園)
ที่อยู่: 1-3-3 Tokiwacho, Mito, Ibaraki 310-0033
*การเดินทาง: จากสถานี JR Mito (JR水戸駅) นั่งรถบัส 15 นาทีมาลงที่ป้าย Kairakuen-mae (偕楽園前)
เวลาทำการ: 6:00–18:00 น.
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 300 เยน
(หมายเหตุ: ในช่วงเทศกาล Plum Blossom Festival นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่สวน Kairakuen ได้โดยลงรถไฟที่สถานี JR Kairakuen (JR偕楽園駅) ของทางรถไฟสาย Jōban ซึ่งตั้งอยู่ติดๆ กับสวนได้)

 

④ สถานี JR Yamagatajuku (JR山方宿駅)

สถานี JR Yamagatajuku เป็นสถานีที่สี่บนทางรถไฟสาย Suigun ที่เราจะมาสำรวจกัน สถานีนี้ตั้งอยู่ในเมืองฮิตาจิโอมิยะ (常陸大宮市) และทำหน้าที่เป็นศูนย์ชุมชนท้องถิ่นไปด้วยในตัว แถมมีห้องสมุดเล็กๆ อยู่ด้วย จุดเด่นที่น่าสนใจของอาคารสถานีก็คือการตกแต่งภายนอกสีเทา ซึ่งว่ากันว่าคล้ายคลึงกับเกล็ดปลาอายุ (鮎 ปลาเทราต์น้ำจืด) ที่เป็นของอร่อยประจำถิ่นนั่นเอง

 

ฮิตาจิโอมิยะ (常陸大宮)

หอสังเกตการณ์มิโจ ในฮิตาจิโอมิยะ (เครดิตภาพ: City of Hitachiomiya)

 

นักท่องเที่ยวสามารถลงรถไฟที่สถานี JR Yamagatajuku และเดินสำรวจเมืองฮิตาจิโอมิยะได้ ตัวเมืองนั้นเป็นเมืองที่เดินเที่ยวได้สนุก และมีสิ่งน่าสนใจหลายอย่างให้ค้นพบได้ที่นี่ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเดินไปอีกนิดหนึ่งจากสถานีรถไฟคุณจะมาถึงหอสังเกตการณ์มิโจ (御城展望台 Mijō Tenbōdai) โดยหอสังเกตการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1987 นี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ปราสาทแห่งหนึ่งที่เคยถูกใช้งานโดยขุนนางศักดินาชั้นสูงมาก่อนจนถึงสมัยอาซึจิ-โมโมยามะ (1568 - 1600)

 

นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์เพื่อชมวิวเมืองและแม่น้ำคุจิที่สวยงามได้แบบพาโนรามา ยิ่งไปกว่านั้น สวนโดยรอบยังขึ้นชื่อเรื่องดอกบ๊วยที่บานในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นมีนาคมด้วยนะ

 

หอสังเกตการณ์มิโจ (御城展望台)
ที่อยู่: 313 Yamagata, Hitachiomiya City, Ibaraki 319-3111
การเดินทาง: จากสถานี JR Yamagatajuku (JR山方宿駅) เดิน 20 นาทีเพื่อมายังหอสังเกตการณ์
เวลาทำการ:
   9:00–17:00 น. (1 เมษายน–30 กันยายน)
   9:00–17:00 น. (1 ตุลาคม–31 มีนาคม)
   ปิดทำการทุกวันจันทร์
ค่าเข้า: ไม่มี

 

ฟุเนะนัตโต ของอร่อยประจำท้องถิ่นในจังหวัดอิบารากิ (เครดิตภาพ: City of Hitachiomiya)

 

คุณรู้ไหมว่าของอร่อยท้องถิ่นของฮิตาจิโอมิยะคืออะไร? นัตโต (納豆) นั่นเอง! เราพบเห็นเมนูถั่วเหลืองหมักนี้ได้ในหลายพื้นที่ทั่วญี่ปุ่น แต่ของเมืองฮิตาจิโอมิยะนั้นมีจุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร เมนูนี้เรียกว่าฟุเนะ นัตโต (船納豆) โดยถั่วเหลืองจะถูกเสิร์ฟมาในภาชนะรูปเรือ แถมมีรสสัมผัสที่หนืดเป็นเส้นเป็นพิเศษและมีรสจัดกว่านัตโตทั่วไป

 

ถ้าคุณอยากหาประสบการณ์นัตโตที่ไม่เหมือนใคร ลองมาที่ร้าน Marushin Shokuhin ใกล้สถานี JR Yamagatajuku นัตโตของที่ร้านนี้ถูกหมักโดยมีดนตรีคลาสสิกเปิดคลออยู่ และทางร้านเองยังเชี่ยวชาญในอาหารอื่นๆ ด้วย เช่นไวน์ ชีส และนัตโตรสมะเขือเทศและโหระพา!

 

Marushin Shokuhin Fune-Natto (丸真食品 舟納豆直売店)
ที่อยู่: 477-1 Yamagata, Hitachiomiya-shi, Ibaraki 319-3111
การเดินทาง: จากสถานี JR Yamagatajuku (JR山方宿駅) เดิน 8 นาทีมาที่ร้าน
เวลาทำการ: 9:00 – 17:00 น.
โทร: +81- 120-710-593

 

⑤ สถานี JR Hitachi-Daigo (JR常陸大子駅)

อีกสถานีรถไฟของทางรถไฟสาย Suigun ที่ต้องจดไว้แถมอยู่ในเมืองไดโกะด้วยก็คือสถานี JR Hitachi-Daigo ที่นี่เป็นสถานีที่เงียบสงบในแถบชนบทของเมือง แต่นักท่องเที่ยวจะพบสิ่งที่น่าประหลาดใจอยู่ที่สถานีนี้

 

รถไฟ C12-187 SL ที่สถานี JR Hitachi Daigo (เครดิตภาพ: ©Daigo Town)

ณ ข้างๆ สถานีรถไฟเรียบง่ายแห่งนี้ มีอนุสรณ์ประวัติศาสตร์ในร่างรถจักรไอน้ำ (SL: Steam Locomotive) ตั้งอยู่ โดยรถไฟ C12-187 SL นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1938 และถูกใช้งานบนรางรถไฟของภูมิภาคคิวชูราว 30 ปีก่อนที่จะปลดระวางในที่สุดในปี 1970

 

ตัวรถไฟถูกบำรุงรักษาอย่างพิถีพิถันนับตั้งแต่นั้น และนักท่องเที่ยวสามารถชมรถไฟขบวนสง่าที่เคยวิ่งไปตามทางรถไฟในย่านชนบทของญี่ปุ่นได้ ถ้าคุณเป็นคนรักรถไฟ หรือถ้าคุณแค่เป็นคนที่รักรถไฟ SL ล่ะก็ ที่นี่คือแลนด์มาร์กที่คุณห้ามพลาดแน่นอน

 

แผนที่ทางรถไฟสาย Suigun ในจังหวัดฟุกุชิม่าและจุดท่องเที่ยวโดยรอบ (เครดิตภาพ: Google Maps)

 

⑥ สถานี JR Yamatsuriyama (JR矢祭山駅)

ดอกบ๊วยใกล้สถานี JR Yamatsuriyama (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ต่อไป เราก็ได้ขยับขึ้นไปที่ทางรถไฟสาย Suigun ในจังหวัดฟุกุชิม่ากันแล้ว อันดับแรก เรามีสถานี JR Yamatsuriyama สถานีรถไฟแบบไร้พนักงานประจำที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1937 และตั้งอยู่ในอาคารสถานีที่สร้างด้วยไม้ซึ่งถูกปรับปรุงครั้งล่าสุดในปี 2012 ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในเมืองยามัตสึริ (矢祭町) สถานีรถไฟแห่งนี้จึงเป็นจุดลงรถไฟเพื่อไปยังสวนที่แม้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเซอร์ไพรส์กับทิวทัศน์ที่สวยงามราวภาพวาดก็เป็นได้

 

สวน Yamatsuriyama (矢祭山公園)

สวน Yamatsuriyama (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

ลงรถไฟที่สถานี JR Yamatsuriyama และเดินอีก 2 นาที แล้วคุณจะมาถึงสวน Yamatsuriyama สวนวิวสวยในเมืองยามัตสึริ (矢祭町) อันเงียบสงบ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเนินตีนเขายามัตสึริ (矢祭山 Yamatsuri-yama) และความงามตามฤดูกาลของมันก็มีชื่อเสียงในท้องที่แห่งนี้ด้วย เช่น ดอกซากุระหลากสายพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิ และใบเมเปิ้ลในฤดูใบไม้ร่วง

 

สวน Yamatsuriyama ในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: 東北観光推進機構 (ซ้ายบน), 福島県観光物産交流協会)

 

นักท่องเที่ยวที่มาสวนแห่งนี้ตั้งแต่ปลายเมษายนเป็นต้นไปจะได้ชมบรรดาต้นโซเมโยชิโนะ (ソメイヨシノ ซากุระโยชิโนะ) 100 ต้น ที่กำลังบานสะพรั่งย้อมสีบริเวณโดยรอบให้เป็นสีชมพูอ่อนและขาว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีดอกอาซาเลีย (つつじ tsutsuji) มากถึง 50,000 ดอก ที่จะคอยอวดโฉมให้ได้เห็นในฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน โดยปกติจะบานช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นพฤษภาคม คิดดูสิว่าวิวในฤดูกาลนี้จะตระการตาขนาดไหน!

 

สวน Yamatsuriyama ในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

สวนนี้ในฤดูใบไม้ร่วงก็ได้รับความนิยมพอๆ กับฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน ในช่วงนี้ทั้งสวนจะมีสีแดงและเหลืองสดใสปกคลุมไปทั่วตลอดช่วงปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงพฤศจิกายน แถมด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบตลอดทั้งปีแล้ว สวนนี้จึงเป็นจุดพักผ่อนอันงดงามจับใจที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับเสน่ห์ของพื้นที่ชนบทได้

 

สะพานอายุโนะสึริบาชิ (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

ยังมีอีกเซอร์ไพรส์หนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มายังสวน Yamatsuriyama นะ โดยที่นี่มีแม่น้ำคุจิไหลผ่านอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของสถานี JR Yamatsuriyama และนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามแม่น้ำได้โดยสะพานอายุโนะสึริบาชิ (あゆのつり橋) ซึ่งสะพานยาว 62 เมตรนี้เป็นสัญลักษณ์อันเป็นที่รักของเมืองยามัตสึริ และนักท่องเที่ยวสามารถชมวิวชั้นเยี่ยมของแม่น้ำเบื้องล่างและสีสันแห่งฤดูกาลรอบข้างได้

 

เกร็ดความรู้สนุกๆ : ตลิ่งแม่น้ำเป็นจุดตกปลาอายุยอดนิยมในแวดวงนักตกปลา ซึ่งจุดนี้ถูกสื่อออกมาในชื่อสะพานด้วย (“อายุโนะสึริ” = การตกปลาเทราต์น้ำจืด) ในบางวันคุณจะได้เห็นนักตกปลากำลังตกปลาอยู่ด้วยนะ

 

สวน Yamatsuriyama (矢祭山公園)
ที่อยู่: 191-25 Shimogawara, Yamashita, Yamatsuri-cho, Higashishirakawa-gun, Fukushima 963-5117
การเดินทาง: จากสถานี JR Yamatsuriyama (JR矢祭山駅) เดิน 2 นาทีเพื่อมาถึงที่สวน
เวลาทำการ: 24 ชั่วโมง
ค่าเข้า: ไม่มี

 

⑦ สถานี JR Higashidate (JR東館駅)

สถานีรถไฟแห่งที่สองของทางรถไฟสาย Suigun ที่อยู่ในเมืองยามัตสึริเช่นกันนั้นได้แก่สถานี JR Higashidate ซึ่งเช่นเดียวกันกับสถานี JR Yamatsuriyama ที่นี่เป็นสถานีรถไฟแห่งเล็กๆ ที่แต่ละวันมีผู้โดยสารเดินทางผ่านน้อยคนเท่านั้นและตั้งอยู่ในอาคารไม้เก่าแก่ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณรักการค่อยๆ เดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามในชนบท งั้นคุณอาจจะอยากจดสถานีแห่งนี้เก็บไว้

 

ช่องเขาทาคิกาว่า (滝川渓谷)

ช่องเขาทาคิกาว่า (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

ในพื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดฟุกุชิม่า มีช่องเขาที่ได้รับเลือกให้เป็นเส้นทางเดินป่าอันดับสิบในลิสต์ “50 ทางเดินป่ายอดเยี่ยมแห่งฟุกุชิม่า” ซ่อนตัวอยู่ โดยช่องเขาทาคิกาว่าเป็นช่องเขาอันน่าทึ่งที่โดดเด่นในเรื่องน้ำตกที่สวยงาม รูปทรงหินแปลกตา และพรรณไม้ที่มีตลอดเส้นทางเดิน 3 กม.

 

น้ำตกอันเป็นดาวเด่นของช่องเขาทาคิกาว่า (เครดิตภาพ: 東北観光推進機構)

 

ช่องเขานี้มีน้ำตกรวม 48 แห่งด้วยกัน และขึ้นชื่อเรื่องความงามแบบธรรมชาติที่ไร้การเติมแต่งในมุมที่เงียบสงบอันสันโดษของจังหวัดฟุกุชิม่า อีกทั้งสีสันของพื้นที่โดยรอบยังเปลี่ยนไปตามฤดูกาล จากสีเขียวขจีในฤดูร้อน เป็นเฉดสีส้มสดใสในในฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวสามารถเดินสบายๆ ไปตามเส้นทางนี้พลางชื่นชมส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติที่ไร้การแต่งเติมของจังหวัดฟุกุชิม่า

 

บรรดาน้ำตกของช่องเขาทาคิกาว่าในฤดูร้อน (ซ้าย) และฤดูใบไม้ร่วง (ขวา) (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว: แม้ว่าเส้นทางเดินจะถือว่าเดินง่ายสำหรับมือใหม่ แต่เพราะพื้นอาจจะทำให้ลื่นได้ง่าย จึงขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้นักท่องเที่ยวสวมรองเท้าเดินที่เหมาะสม โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวช่องเขาคือระหว่างเมษายนและพฤศจิกายน และที่นี่อาจจะปิดทำการในฤดูหนาวหากมีสภาพอากาศที่ไม่ดี

 

ช่องเขาทาคิกาว่า (滝川渓谷)
ที่อยู่: Yamatsuri-cho, Higashishirakawa-gun, Fukushima 963-5114
การเดินทาง: จากสถานี JR Higashidate (JR東館駅) นั่งรถแท็กซี่ 20 นาทีเพื่อไปถึงทางเข้าของช่องเขา
เวลาทำการ: 7:30–16:30 น.
ค่าเข้า: ไม่มี

 

⑧ สถานี JR Iwaki-Ishii (JR磐城石井駅)

สถานี JR Iwaki-Ishii (เครดิตภาพ: photoAC)

 

สถานีรถไฟแห่งที่สามของทางรถไฟสาย Suigun ในเมืองยามัตสึริได้แก่สถานี JR Iwaki-Ishii ด้วยจุดเด่นคือจุดนั่งรอรถหน้าตาเรียบง่าย สถานีรถไฟแห่งนี้เป็นที่ที่น่าไปถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงของต้นซากุระ โดยเฉพาะพวกซากุระยืนต้นเดี่ยว

 

โทสึเบะ โนะ ซากุระ (戸津辺の桜)

โทสึเบะ โนะ ซากุระ (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

เพียงเดินสั้นๆ จากสถานีรถไฟก็จะเจอกับโทสึเบะ โนะ ซากุระ ต้นซากุระที่สง่างามซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติ (記念物 kinenbutsuซากุระต้นนี้ยืนต้นเดี่ยว ต่างจากซากุระต้นอื่นๆ ที่ปกติแล้วจะกระจุกตัวกัน และความโดดเดี่ยวของมันทำให้มันพิเศษขึ้นไปอีก ยิ่งเมื่อรวมกับฉากหลังที่ทำให้ตัวตนของมันโดดเด่นยิ่งขึ้นแล้วด้วย

 

ดอกไม้ของโทสึเบะ โนะ ซากุระ (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

ว่ากันว่าต้นไม้ที่สูง 18 เมตรนี้มีอายุกว่า 600 ปี และถือเป็นหนึ่งในต้นซากุระที่บานเร็วที่สุดของจังหวัดฟุกุชิม่า โดยจะบานตั้งแต่ปลายมีนาคมจนถึงต้นเมษายน ในอดีตบรรดาชาวนาในท้องถิ่นจะใช้ต้นไม้นี้เพื่ออ้างอิงในปฏิทินการปลูกไร่นาด้วย

 

ที่น่าสนใจคือ โทสึเบะ โนะ ซากุระเป็นต้นซากุระพันธุ์เอโดะฮิกัง (エドヒガン) ซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกันกับต้นอิชิวาริซากุระ (石割桜) ที่แยกหินเป็นซีกในจังหวัดอิวาเตะ และต้นยามาทากะ จินไดซากุระ (山高神代桜) ในจังหวัดยามานาชิ (山梨県) !

 

ทางรถไฟสาย Suigun ในฉากหลังของโทสึเบะ โนะ ซากุระ (เครดิตภาพ: 福島県観光物産交流協会)

 

ต้นไม้นี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อันเป็นที่รักประจำเมืองในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้งต้นจะเต็มไปด้วยดอกซากุระอันสวยงามบอบบาง ซึ่งเมื่อบวกกับแม่น้ำคุจิที่ไหลเอื่อยสงบกับทางรถไฟสาย Suigun ที่เห็นได้ในฉากหลังแล้ว ทำให้เกิดเป็นวิวสวยสะกดตาที่นักท่องเที่ยวจะลืมไม่ลงนับตั้งแต่วินาทีที่มองต้นไม้ต้นนี้

 

โทสึเบะ โนะ ซากุระ (戸津辺の桜)
ที่อยู่: 19 Totsube, Nakaishii, Yamatsuri-cho, Higashishirakawa-gun, Fukushima 963-5201
การเดินทาง: จากสถานี JR Iwaki-Ishii (JR磐城石井駅) นั่งแท็กซี่ 15 นาทีไปที่ต้นไม้ หรือเดิน 30 นาทีจากสถานีรถไฟไปยังต้นไม้
เวลาทำการ: 24 ชั่วโมง
ค่าเข้า: ไม่มี

 

ปิดท้าย

ด้วยความที่มีทางรถไฟอยู่มากมายในประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจึงมักมองข้ามบรรดาทางรถไฟในพื้นที่ชนบทที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงแต่มีของดีซ่อนอยู่ไป ซึ่งทางรถไฟสาย Suigun เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และมันยังเป็นทางรถไฟที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวได้มาเห็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ชนบทในจังหวัดอิบารากิและจังหวัดฟุกุชิม่าที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติแห่งนี้ ยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ที่การฟื้นฟูพื้นที่ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว นักท่องเที่ยวจึงสามารถกระโดดขึ้นรถไฟและสำรวจทางรถไฟสายนี้ได้อีกครั้ง

 

สำหรับการท่องทางรถไฟครั้งต่อไปของคุณ ลองมาที่ทางรถไฟสาย Suigun ดูบ้างไหม? คุณจะได้ชมส่วนหนึ่งของขุมทรัพย์ที่หลบซ่อนอยู่ในมุมของจังหวัดอิบารากิและจังหวัดฟุกุชิม่า และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถ้าคุณปักหลักอยู่ที่โตเกียวคุณก็สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ ด้วย เช่นเดียวกันกับทางรถไฟสาย Agatsuma ที่ผมเล่าถึงไปก่อนหน้านี้ ผมมั่นใจมากว่านี่จะเป็นอีกทางรถไฟที่จะทำให้คุณหลงเสน่ห์ได้แน่นอน!

 

JR TOKYO Wide Pass

ตั๋ว JR TOKYO Wide Pass และพื้นที่ที่ใช้งานได้ (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณอยากสำรวจทางรถไฟสาย Suigun และพื้นที่อื่นๆ ของจังหวัดอิบารากิและแถบโตเกียว ขอแนะนำ JR TOKYO Wide Pass ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ครอบคลุมได้ตลอดระยะเวลา 3 วันติดต่อกัน ด้วยราคา 10,180 เยน ตั๋วนี้จึงเป็นทางเลือกชั้นเยี่ยมสำหรับผู้เดินทางด้วยรถไฟที่จะไปเที่ยวหลายพื้นที่ในทริป คุณยังสามารถสำรองที่นั่งบนชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวนและรถไฟ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

 

ทั้งนี้ พึงระวังนิดนึงว่าในทางรถไฟสาย Suigun นี้ JR TOKYO Wide Pass จะครอบคลุมเพียงสถานีที่อยู่ในจังหวัดอิบารากิเท่านั้น และคุณจำเป็นต้องชำระค่าเดินทางต่างหากสำหรับการเดินทางในโซนจังหวัดฟุกุชิม่าของทางรถไฟสายเดียวกัน

 

JR EAST PASS (Tohoku area)

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) และพื้นที่ที่ใช้งานได้ (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณกำลังเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุเพื่อขึ้น TOHOKU EMOTION และสำรวจจังหวัดอาโอโมริและอิวาเตะทางตอนเหนือ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 30,000 เยน ตั๋วนี้จึงถูกกว่าค่าเดินทางไปกลับระหว่างโตเกียวและฮาจิโนะเฮะ (~33,000 เยน) นอกจากนี้คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น และรถไฟ Joyful Train บางขบวนบนช่องทางออนไลน์ล่วงหน้านานถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย

 

ตั๋ว Pass นี้สามารถใช้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมีสิทธิ์ใช้ตั๋วด้วย แถมคุณยังสำรองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

 

เครดิตภาพปก (จากบนซ้ายตามเข็มนาฬิกา): 大子町観光協会提供, 東北観光推進機構, 茨城県観光物産協会 & ©Zekkei×IBARAKI2017フォトジェニック賞, 茨城県, illustAC

Translated by: conomi.co

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner
2410.Azumino-Right