Rail Report: ชมวิวงามแห่งชนบทและขุนเขาของนากาโนะกับ Resort View Furusato
ถ้าคุณเคยไปยังจังหวัดนากาโนะ (長野県 Nagano-ken) คุณจะรู้ว่ามันเป็นแหล่งธรรมชาติที่สวยงามและยังมีบรรดาภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นบางลูกตั้งอยู่ด้วย แถมนากาโนะยังมีรถไฟ Joyful Train สามขบวนของ JR East ซึ่งเป็นรถไฟท่องเที่ยวที่มีธีมเฉพาะตัวและมีขึ้นเพื่อช่วยให้การเดินทางด้วยรถไฟเพลิดเพลินยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อนร่วมงานของฉันจูเลียและนาซรุลได้เขียนถึง HIGH RAIL 1375 และ Oykot ตามลำดับไปแล้ว และครั้งนี้ฉันจะมาเล่าถึง Resort View Furusato (リゾートビューふるさと Rizо̄to Byū Furusato) หนึ่งในรถไฟ Joyful Train ขบวนโปรดของฉัน
เส้นทางของ Resort View Furusato (เครดิตภาพ: JR East)
รถไฟ Resort View Furusato วิ่งระหว่างสถานี Nagano (長野駅 Nagano-eki) และสถานี Minami-Otari (南小谷駅 Minami-Otari-eki) ตามทางรถไฟสาย Shinonoi และทางรถไฟสาย О̄ito มันถูกเปิดตัวในปี 2010 เพื่อให้สอดคล้องกับแคมเปญ Shinshu Destination (Shinshu (信州 Shinshū) คือชื่อเก่าของนากาโนะ) ด้วยความที่มีจุดแวะเที่ยวสนุกๆ มากมายและบรรดาวิวน่าตื่นตาตลอดทาง รถไฟขบวนนี้จึงสมชื่อของมันจริงๆ
- Resort: รถไฟจะแวะจอดตามจุดต่างๆ ระหว่างทาง โดยมีกิจกรรมให้ผู้โดยสารได้ร่วมสนุก
- View: วิวของที่ราบเซ็นโคจิจากสถานี Obasute และเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือตามทางรถไฟสาย О̄ito นั้นสวยงามไม่ธรรมดา
- Furusato: ในภาษาญี่ปุ่น "Furusato" มีความหมายว่า “บ้านเกิด” และรถไฟขบวนนี้วิ่งผ่านหมู่บ้านชนบทที่สวยงามมากมาย
ออกเดินทางจากสถานี Nagano
ก่อนออกเดินทางจากสถานี Nagano (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
รถไฟออกจากสถานี Nagano ตอน 9:46 น. และพวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังฮาคุบะ ซึ่งเป็นสถานีเดียวก่อนถึงสถานีปลายทาง มันจะเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ดังนั้นพวกเราเลยซื้อเอกิเบ็น (駅弁 ข้าวกล่องสำหรับกินบนรถไฟ) ไว้ก่อนขึ้นรถไฟ และที่ชานชลานายสถานีใจดีก็กำลังยืนถือป้ายเพื่ออวยพรให้การเดินทางของเราสนุกเพลิดเพลิน
การตกแต่ง Arukuma ต่างๆ บน Resort View Furusato (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุณรู้จัก Arukuma หรือเปล่า? Arukuma เจ้าหมีสีเขียวยิ้มแย้มที่สวมแอปเปิ้ลไว้บนหัวตัวนี้ เป็นตัวละครมาสคอตของจังหวัดนากาโนะ และคุณคงจะเห็นเขาอยู่ทั่วทั้งจังหวัดนากาโนะ เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีของเขา รถไฟ Resort View Furusato เลยมีการใช้ Arukuma ตกแต่งเป็นพิเศษ ทำให้ด้านนอกขบวนรถมี Arukuma โดดเด่นในหลายชุดตามฤดูกาลต่างๆ ให้เห็น
ภายในรถไฟเองก็มีตุ๊กตา Arukuma ตัวใหญ่อยู่ ดังนั้นอย่าลืมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเขาด้วยนะ! แถมยังมีการตกแต่ง Arukuma ที่หน้าต่างด้วย ซึ่งแต่ละบานจะมีดีไซน์ที่ต่างกันออกไป
วิวพาโนรามาจากสถานี Obasute
ณ เวลาราว 10:10 รถไฟก็มาหยุดที่สถานี Obasute (姨捨駅 Obasute-eki) สถานีแห่งหนึ่งที่มีชื่อที่น่าสนใจมาก โดยตัวสถานีตั้งอยู่บนพื้นที่ยกระดับสูง ทำให้ได้วิวอันยอดเยี่ยมของที่ราบเซ็นโคจิเบื้องล่าง
จุดแวะพักแรกของเราที่สถานี Obasute (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ชื่อ "Obasute" แปลตรงตัวได้ว่า “ทิ้งยายเฒ่า” และมาจากเรื่องเล่าท้องถิ่นว่าผู้คนเคยนำคนชรามาทิ้งไว้บนภูเขา อย่างไรก็ตาม เรื่องเล่านี้ไม่ได้มีเพื่อส่งเสริมให้คนนำคนเฒ่าคนแก่มาทิ้ง แต่มีเพื่อชี้นำคุณธรรมความกตัญญูของลูกหลานนั่นเอง เพราะใครเล่าจะทอดทิ้งญาติผู้แก่ชราของตัวเองได้ลงคอ?
ชานชลาของสถานี Obasute ตั้งอยู่เหนือที่ราบเซ็นโคจิและบรรดานาขั้นบันได (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
Obasute ยังขึ้นชื่อเรื่องนาขั้นบันไดอีกด้วย และพวกเราโชคดีมากที่ได้เห็นผืนนาบางส่วนจากบนชานชลาของสถานีรถไฟ เมื่อเราไปเที่ยวมาตอนปลายเดือนกันยายน บรรดานาขั้นบันไดเป็นสีเหลืองสดสวยงาม
ด้วยความที่ตั้งอยู่บนที่ยกระดับสูงและรางที่ทอดไปยังสถานีรถไฟมีความชัน ทำให้รถไฟที่เดินทางมายังสถานี Obasute ต้องวิ่งแบบ Switchback ซึ่งเป็นการที่รถไฟวิ่งแบบซิกแซ็กเพื่อขึ้นไปบนเนิน ในญี่ปุ่นมีไม่กี่ที่เท่านั้นที่คุณจะได้ชมการวิ่งแบบ Switchback และ Obasute คือหนึ่งในนั้น
วิวจากบนชานชลาของสถานี Obasute นั้นน่าทึ่งจนแทบลืมหายใจจริงๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่มันถูกนับให้เป็นหนึ่งในสามสุดยอดวิวนอกหน้าต่างรถไฟในญี่ปุ่น (日本三大車窓 Nihon Sandai Shasо̄) รถไฟ Resort View Furusato แวะจอดที่นี่ราว 30 นาที ดังนั้นพวกเราจึงมีเวลาชมวิวกันอย่างเหลือเฟือ
วิวค่ำคืนที่สถานี Obasute (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
บางคืนในฤดูร้อน จะมีบริการรถไฟชื่อ Night View Obasute (ナイトビュー姨捨 Naito Byū Obasute) ที่ใช้รถไฟขบวนเดียวกันนี้วิ่งระหว่างสถานี Nagano และสถานี Obasute โดยบริการรถไฟนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนสามารถชื่นชมวิวยามค่ำคืนสุดวิเศษที่สถานี Obasute ได้ ถ้าคุณมีโอกาส ฉันแนะนำให้มาเที่ยวถ้าเป็นไปได้!
อร่อยกับเอกิเบ็นของฉัน (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
หลังใช้เวลา 30 นาทีที่สถานี Obasute ก็ได้เวลาบอกลาและกลับขึ้นรถไฟกันแล้ว ขณะที่เราออกเดินทางต่อก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ฉันหยิบเอกิเบ็นชินชูบิไซเซ็น (信州美彩膳) ที่ฉันซื้อจากสถานี Nagano ก่อนหน้านี้ขึ้นมา ชื่อของมันนั้นแปลได้ว่า “มื้ออาหารสวยงามหลากสีสันแห่งชินชู”
ฉันไม่คาดคิดว่าเอกิเบ็นจะมีสองชั้น และก็ได้สนุกไปกับมื้ออร่อยที่มีอาหารหลากเมนูซึ่งปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นของชินชู นากาโนะเป็นจังหวัดที่ไม่ติดทะเลและเต็มไปด้วยภูเขาซึ่งมีอาหารอร่อย โดยที่ขึ้นชื่อเลยก็คือผักภูเขา (山菜 sansai) และชินชูแซลมอนที่เพาะเลี้ยง และฉันดีใจมากที่อาหารเหล่านี้ถูกรวมไว้ในเอกิเบ็นด้วย
ชั้นบนนั้นประกอบด้วยอาหารเสียบไม้ห้าอย่าง ผักภูเขา อาหารดอง และเต้าหู้ ในขณะที่ชั้นล่างมีตัวเอกก็คือชินชูแซลมอน ผักภูเขา และไข่โปะบนข้าว ทุกอย่างนั้นอร่อยจนฉันกินหมดกล่องก่อนจะทันรู้ตัวเสียอีก
เปลี่ยนทิศทางวิ่งที่ Matsumoto
นั่งกว้างบน Resort View Furusato (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ณ เวลาราว 11:33 น. รถไฟก็มาหยุดที่สถานี Matsumoto (松本駅 Matsumoto-eki) ซึ่งเป็นที่ที่รถไฟเปลี่ยนรางจากทางรถไฟสาย Shinonoi (篠ノ井線) ไปยังทางรถไฟสาย О̄ito (大糸線) โดยเพื่อการนี้ รถไฟจะต้องเปลี่ยนทิศทางการวิ่ง ดังนั้นระหว่างที่รถไฟจอดที่สถานี Matsumoto ผู้โดยสารสามารถลองหมุนที่นั่งเองได้ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายคนที่มาที่ญี่ปุ่น การหมุนที่นั่งรถไฟเป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นบ่อยนัก และบน Resort View Furusato นี้ คุณจะได้ลองหมุนด้วยตัวเองด้วยนะ
ปราสาทมัตสึโมโตะในฤดูกาลต่างๆ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
หรือ ถ้าคุณจะลงรถที่มัตสึโมโตะล่ะก็ เมืองนี้เป็นเมืองที่สวยงามซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาสวยงาม และเป็นที่ตั้งของปราสาทมัตสึโมโตะที่น่าตื่นตา ปราสาทดำอันน่าทึ่งนี้เป็นสมบัติชาติ และเดินจากสถานีไปถึงได้ใน 15 นาที มันเป็นหนึ่งในปราสาทในญี่ปุ่นหลังโปรดของฉัน และเป็นสิ่งที่ชมได้เพลินตาในทุกฤดูตลอดทั้งปีและในทุกเวลาของแต่ละวัน
เดินทางสั้นๆ ไปศาลเจ้าที่สถานี Hotaka
อาคารสถานี Hotaka (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ถ้าคุณเดินทางต่อ จุดต่อไปที่ Resort View Furusato จะจอดก็คือสถานี Hotaka (穂高駅 Hotaka-eki) ณ เวลาราว 12:06 น. รถไฟจะจอดที่นี่ราว 30 นาที และผู้โดยสารสามารถใช้เวลานี้เดินทางไปยังศาลเจ้าโฮทากะ (穂高神社 Hotaka Jinja) ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ ซึ่งเดินจากสถานีไปได้โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที
ศาลเจ้านี้ได้ชื่อจากเทือกเขาโฮทากะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของน้ำที่หล่อเลี้ยงเมืองแห่งนี้ บริเวณศาลเจ้าถูกล้อมไปด้วยต้นซีดาร์สูงที่ให้บรรยากาศสงบ โดยที่ศาลเจ้าโฮทากะฉันได้โกะชุอินโจ (御朱印帳) สมุดที่คุณสามารถใช้สะสมตราประทับที่เขียนด้วยพู่กัน (御朱印 goshuin) จากวัดและศาลเจ้าได้ ตอนที่พวกเราไปถึงนั้นเป็นช่วงใกล้งานเทศกาลเรือ จึงมีโกะชุอินพิเศษทำจากกระดาษที่ตัดเป็นรูปร่างอยู่ ซึ่งจูเลียและฉันซื้อไว้เป็นที่ระลึกสำหรับการมาเยือนในครั้งนี้
ประตูสู่เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ-คุโรเบะ: สถานี Shinano- О̄machi
แวะสักครู่ที่สถานี Shinano-О̄machi (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ณ เวลาราว 13:00 น. พวกเรามาถึงที่สถานี Shinano-О̄machi (信濃大町駅 Shinano-О̄machi-eki) ครั้งนี้เป็นการแวะที่สั้นกว่าซึ่งมีเวลาประมาณ 10 นาที แต่พวกเราก็ยังมีโอกาสสนุกกับกิจกรรมบางอย่างบนชานชลา เช่นการถ่ายรูปกับฉากหลังและการเก็บสะสมสแตมป์สถานี
ถ้าคุณกำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ-คุโรเบะ สถานี Shinano-О̄machi ก็เป็นที่ที่คุณสามารถลงรถได้และเพียงแค่นั่งรถบัส 40 นาทีจากสถานี Shinano-О̄machi คุณก็จะไปถึงโอกิซาว่า (Ogizawa) จุดเริ่มต้นของเส้นทางที่อยู่ในฝั่งพื้นที่นากาโนะ
สถานีของเราในวันนี้: สถานี Hakuba
ด้านนอกของสถานี Hakuba (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ตอนประมาณ 13:42 น. ในที่สุดพวกเราก็มาถึงสถานี Hakuba (白馬駅 Hakuba-eki) ที่ซึ่งเราจะลงรถไฟเพื่อไปท่องสำรวจกัน ฮาคุบะมีชื่อเสียงในเรื่องหิมะปุยละเอียดสวยงามและสกีรีสอร์ทที่มีอยู่มากมาย โดยมันกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตในฤดูหนาวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลังจากที่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1998 อย่างไรก็ตาม ในช่วงอื่นนอกเหนือจากฤดูหนาวที่นี่ก็ยังมีสิ่งน่าทึ่งมากมายให้ไปสัมผัสและทำได้ โดยเฉพาะในเรื่องทิวทัศน์และธรรมชาติที่ชวนตื่นตา
ที่ฮาคุบะนั้นมีกระเช้าลอยฟ้าหลักๆ สามอันด้วยกัน ที่ฉันขอแนะนำเพื่อชมธรรมชาติสุดวิเศษของนากาโนะ ได้แก่ Eve Gondola ไปยังสึกะอิเกะ โคเก็น (Tsugaike Kogen), Adam Gondola ไปฮัปโปะ (Happo) และ Noah Gondola ไปยังอิวาทาเกะ (Iwatake) นั่นเอง ตอนที่พวกเราไปเที่ยวในเดือนกันยายน เรามุ่งหน้าไปยังสึกะอิเกะ โคเก็นซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟมากที่สุด
อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะ (Tsugaike Nature Park)
นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปยังอุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
หลังจากมาถึงสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ด้านล่าง พวกเราขึ้น Tsugaike Gondola Lift “Eve” แล้วต่อไปยัง Tsugaike Ropeway จากนั้นลงจากกระเช้าที่อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะ (栂池自然園 Tsugaike Shizen’en) โชคไม่ดีที่ฝนตกพวกเราเลยมองไม่ค่อยเห็นอะไรระหว่างนั่งกระเช้าขึ้น แต่ระหว่างที่อยู่บนกระเช้าท้องฟ้าก็โปร่งขึ้นเล็กน้อย ทำให้พวกเราได้ชมวิวพาโนรามาอยู่บ้าง
ทิวทัศน์ ณ อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะในวันที่ฝนตก (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
จากด้านบนสุดของสถานีกระเช้า พวกเราเดินขึ้นไปตามทางลาดราว 10 นาทีและมาถึงที่ศูนย์นักท่องเที่ยวอันเป็นประตูทางเข้าสู่อุทยาธรรมชาติสึกะอิเกะ น่าเสียดายที่ตอนนั้นฝนกำลังกลับมาอีกครั้ง และอุทยานก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกไอสีขาวเสียแล้ว
ที่ระดับความสูง 1,900 ม. เหนือระดับน้ำทะเล อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะเป็นหนึ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น และรอบๆ พื้นที่อุทยานมีทางเดินแผ่นกระดานไม้ปูอยู่ซึ่งช่วยให้เดินได้สบายๆ โดยตอนที่เราไปถึงนั้นเป็นตอนใบไม้ร่วงแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงเห็นเฉดสีเหลืองเล็กน้อยตามพืชไม้ต่างๆ
กิจกรรมวันฝนตก: สนุกไปกับตู้ถ่ายรูป (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh and 栂池自然園)
แม้จะเป็นวันฝนตก แต่พวกเราก็สนุกกับการใช้เวลาเดินสำรวจไปรอบๆ จนเมื่อฝนเริ่มตกหนักขึ้นพวกเราก็รีบกลับไปยังศูนย์นักท่องเที่ยว ที่นั่นเราพบกิจกรรมสนุกๆ ในวันฝนตก นั่นคือตู้ถ่ายรูป!
ที่ตู้ถ่ายรูป คุณสามารถเลือกฉากหลังเป็นวิวอุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะในฤดูกาลต่างๆ ได้ จากนั้นโพสท่า แล้วเครื่องก็จะถ่ายรูปออกมา บรรดารูปภาพจะถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ของอุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะโดยคุณเข้าไปดาวน์โหลดรูปในภายหลังได้ หรือถ้าคุณอยากจะปริ้นท์รูปออกมาเลย ก็ปริ้นท์ที่ศูนย์นักท่องเที่ยวได้เช่นกันโดยมีค่าใช้จ่าย 300 เยน
บึงฮัปโปะ
ระหว่างทางไปยังบึงฮัปโปะ (เครดิตภาพ: JR East / Sue Lynn)
นอกจากอุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะแล้ว ยังมีอีกสองที่ที่ฉันขอแนะนำเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ธรรมชาติต่างๆ ที่ฮาคุบะ ที่แรกคือบึงฮัปโปะ (八方池 Happо̄-ike) ที่ไปถึงได้โดยการนั่งกระเช้าลอยฟ้า “Adam” และ Chairlift ขึ้นไป ตามด้วยการไต่เขา 90 นาที ถ้าคุณเป็นคนรักธรรมชาติล่ะก็ ฉันขอแนะนำที่นี่เป็นอย่างยิ่งเพราะวิวระหว่างทางขึ้นนั้นตื่นตามากทีเดียว
บึงฮัปโปะที่สวยงามราวภาพวาด (เครดิตภาพ: photoAC)
ไฮไลต์ของเส้นทางนี้คือบึงฮัปโปะที่ตั้งอยู่ ณ ระดับความสูง 2,060 ม. เมื่อผืนน้ำนิ่งคุณจะได้ชมวิวอันน่าทึ่งของบรรดาภูเขาฮาคุบะซันซัน (Hakuba Sanzan) ที่สะท้อนอยู่ในบึง ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้คุณลืมหายใจได้แน่นอน!
HAKUBA MOUNTAIN HARBOR
วิวพาโนรามาจาก HAKUBA MOUNTAIN HARBOR (เครดิตภาพ: Hakuba IWATAKE)
สำหรับคนที่ร่างกายไม่พร้อมลุยเท่าไร หรือสำหรับใครที่อยากได้อะไรที่เข้าถึงง่ายหน่อย คุณสามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้า “Noah” ขึ้นไปยัง Hakuba Iwatake Mountain Resort ได้ จากบนสถานีกระเช้าลอยฟ้าด้านบนเดินต่ออีกเพียง 3 นาทีไปยัง HAKUBA MOUNTAIN HARBOR ซึ่งเป็นระเบียงชมวิวเข้าฟรีที่มีวิวชั้นเยี่ยมของบรรดาภูเขาแห่งฮาคุบะ
นอกจากนี้ที่ข้างระเบียงยังมีคาเฟ่ชื่อ The City Bakery อยู่ด้วย ดังนั้นคุณสามารถหาของกินและเครื่องดื่มมาอร่อยระหว่างชมวิวได้ แนะนำว่าช็อคโกแลตร้อนและมัฟฟินของร้านอร่อยมากจริงๆ !
ปิดท้าย
Resort View Furusato เป็นหนึ่งใน Joyful Train ขบวนโปรดของฉันและฉันนั่งมันซ้ำได้เรื่อยๆ เพื่อจะชมบรรดาวิวอันน่าทึ่ง นากาโนะนั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงามมากมาย และฉันเฝ้ารอวันที่จะได้กลับไปเที่ยวอีกครั้ง โดยมีภูเขาใหม่ๆ ให้ไปสำรวจอยู่เสมอหรือมีวิวที่ต่างออกไปให้ลองไปชมกันตลอด แม้สภาพอากาศอาจจะรบกวนแผนการเที่ยวบ้าง แต่ก็ยังมีวิวอีกมากมายให้ไปเพลิดเพลินกันได้ และฉันหวังว่าในครั้งต่อไปที่มาเที่ยวนากาโนะคุณจะได้มาสัมผัสมันด้วย Resort View Furusato!
JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)
ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)
อยากไปเที่ยวเมืองนีงาตะและพื้
อีกทั้งคุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train บนช่องทางออนไลน์ล่วงหน้านานถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่
ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถใช้กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย
เครดิตภาพปก: JR East / Carissa Loh
Translated by: conomi.co