ท่องโลกแฟนตาซีแห่งดอกไม้: รวม 12 ดอกไม้หลากสีสันที่ชมได้ในฤดูใบไม้ผลิ
อัปเดตเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2023
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2021
ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่น คุณอาจจะนึกถึงดอกซากุระ (桜) ดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่นที่บานในฤดูใบไม้ผลิเป็นอย่างแรก แต่นอกจากดอกซากุระสีชมพูระเรื่อแล้ว ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นยังมีดอกไม้อีกมากมายที่เป็นสัญญาณบอกถึงการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ หลังจากผ่านฤดูหนาวที่ยาวนานและหนาวเหน็บมา ภาพของดอกไม้ที่ผลิบานเป็นสัญญาณของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังมาถึง พร้อมกับอากาศที่อบอุ่นขึ้นและสีสันพรรณไม้กลับมายังผืนดินอีกครั้ง
แม้จะไม่โดดเด่นเท่าดอกซากุระที่ใครหลายคนชื่นชอบ แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงต้นฤดูร้อนเป็นช่วงที่มีดอกไม้หลากสีสันอีกมากให้ชมกัน ในหนึ่งปีดอกไม้เหล่านี้จะบานเป็นเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งความไม่จีรังนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของความงามของดอกไม้เหล่านี้เช่นกัน นอกจากนี้ การมีดอกไม้หลากสีสันหลายสายพันธุ์นี้ก็เป็นเหตุผลที่ฤดูใบไม้ผลิเป็นหนึ่งในฤดูที่ฉันชอบที่สุดด้วย!
ปฎิทินช่วงดอกไม้บาน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุณอาจจะนึกสงสัยว่าดอกไม้อื่นที่ว่านี้มีอะไรบ้าง หรือบางทีคุณอาจจะไม่ได้จัดทริปตรงกับช่วงซากุระบาน ไม่ว่าเหตุผลของคุณจะเป็นอะไร ข่าวดีคือที่ญี่ปุ่นยังมีดอกไม้อีกมากมายหลายชนิดให้คุณได้ชม ตั้งแต่ทุ่งดอกนาโนะฮานะ (Rapeseed) สีเหลืองสดใส ไปจนถึงดอกฮานะโมโมะ (Peach Blossom, ดอกท้อ) สีชมพูเข้ม และดอกนีโมฟีเลีย (Nemophilia) สีฟ้าอ่อน ดอกอาซาเลีย (Azalea) ที่มีสีโทนร้อนสดใส ดอกป๊อบปี้ (Poppy) สีแดงเข้ม และดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) สีฟ้าสวยสะกดตา เป็นต้น ซึ่งฉันจะพาคุณไปรู้จักดอกไม้ทั้ง 12 สายพันธุ์ในพื้นที่ตะวันออกของญี่ปุ่นที่ฉันแนะนำให้ไปชมเป็นอย่างยิ่ง (โดยเรียงตามลำดับช่วงที่บานของดอกไม้แต่ละชนิด):
1) ดอกบ๊วย (梅)
ดอกบ๊วยเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่บานเร็วที่สุด (โดยทั่วไปในภูมิภาคคันโตรอบโตเกียวนั้นมักจะบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงมีนาคม) ดอกบ๊วย (梅, Ume) เป็นดอกไม้ที่มีบทบาทในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาช้านาน โดยในประเทศญี่ปุ่น การที่ดอกบ๊วยเริ่มบานถือเป็นสัญญาณการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างเฝ้ารอมาตลอดฤดูหนาว
Kairakuen (偕楽園)
ช่วงชมดอกไม้: กลางเดือนกุมภาพันธ์ - กลางเดือนมีนาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ดอกบ๊วย (เครดิตรูปภาพ: 茨城県観光物産協会)
แม้ว่าดอกบ๊วยอาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับดอกซากุระ แต่ดอกบ๊วยยังเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ผู้คนทั่วทั้งญี่ปุ่นนิยมชมกัน จุดเด่นที่ทำให้ดอกบ๊วยต่างกับดอกซากุระคือดอกบ๊วยมีกลีบดอกไม้กลมมนทั้งหมด 5 กลีบและมีกลิ่นหอมหวานที่เด่นชัด ซึ่งเป็นจุดที่ฉันชอบมากเป็นการส่วนตัว
บรรดาดอกบ๊วยในสวน Kairakuen (เครดิตรูปภาพ: 茨城県観光物産協会)
หนึ่งในสถานที่ใกล้โตเกียวที่คุณจะได้ชมดอกไม้แรกแห่งฤดูใบไม้ผลิเหล่านี้ได้คือที่สวน Kairakuen (偕楽園) ซึ่งติดอันดับ 3 สวนที่มีภูมิทัศน์สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น ทุกปีในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์-ปลายเดือนมีนาคม คุณสามารถชมต้นบ๊วยกว่า 3,000 ต้นที่รวมดอกบ๊วยกว่า 100 สายพันธุ์ได้ในเทศกาลดอกบ๊วย (梅まつり, ume matsuri) ซึ่งในช่วงนี้จะมีสถานีรถไฟชั่วคราว (JR Kairakuen Station (偕楽園駅)) ที่เปิดสำหรับเทศกาลดอกบ๊วยนี้โดยเฉพาะ!
Kairakuen (偕楽園)
ที่อยู่: 1-3-3 Tokiwacho Mito,Ibaraki 310-0033
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Kairakuen (偕楽園駅) / สถานี JR Mito (偕楽園前)
การเดินทาง: สวน Kairakuen ตั้งอยู่ข้างสถานี JR Kairakuen (偕楽園駅) (สถานีนี้เปิดให้บริการเฉพาะช่วงเทศกาลดอกบ๊วยเท่านั้น) อีกสถานีหนึ่งที่สามารถนั่งรถไฟไปได้คือสถานี JR Mito (水戸駅) โดยจากสถานีนี้ให้ต่อรถบัสอีก 15 นาทีมาลงที่ป้าย Kairakuen-mae (偕楽園前)
เวลาเปิดทำการ: 06:00–18:00 (กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึง 30 กันยายน), 07:00–18:00 (1 ตุลาคม ถึง กลางเดือนกุมภาพันธ์)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 300 เยน
2) ดอกแอปริคอต (あんず)
ดอกไม้ชนิดต่อไปก็เป็น “ดอกไม้ผล” เช่นกัน นั่นคือดอกแอปริคอตนั่นเอง เมืองจิคุมะ (Chikuma City) ในจังหวัดนากาโนะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจิคุมะซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากนี้ เมืองจิคุมะยังมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตแอปริคอต (あんず, anzu) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับดอกแอปริคอตสีชมพูสวยงามเหล่านี้ได้
Anzu no Sato (あんずの里)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนมีนาคม - กลางเดือนเมษายน (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ดอกแอปริคอตที่ Anzu no Sato (เครดิตรูปภาพ: 信州千曲観光局)
Anzu no Sato (あんずの里) แห่งเมืองจิคุมะเป็นพื้นที่ที่ขึ้นชื่อว่า “ทิวแถวต้นไม้แสนต้น” (一目十万本, Hitome Jūmanbon) โดยที่ Anzu no Sato นี้เต็มไปด้วยต้นแอปริคอตนับหมื่นต้นที่เรียงรายกันสุดลูกหูลูกตา นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะจุดชมดอกแอปริคอตที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย คุณสามารถชมวิวต้นแอปริคอตที่มีทิวเขาที่มีหิมะปกคลุมเป็นฉากหลังได้ เป็นวิวที่สวยจริงๆ เลยล่ะ!
ดอกแอปริคอต (เครดิตรูปภาพ: 信州千曲観光局)
ทั้งที่เมืองจิคุมะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ทำไมเมืองจิคุมะถึงขึ้นมาเป็นผู้ผลิตแอปริคอตรายใหญ่ได้? มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าเจ้าครองเมืองในอดีตคนหนึ่งได้หมั้นหมายกับเจ้าหญิงองค์หนึ่งแห่งภูมิภาคชิโกคุ เมื่อเจ้าหญิงย้ายเข้ามายังเมืองจิคุมะเธอได้นำเมล็ดแอปริคอตติดตัวมาด้วยเพื่อช่วยคลายความคิดถึงบ้านของเธอที่ชิโกคุ และโชคดียิ่งนักที่ภูมิอากาศและดินของนากาโนะนั้นเหมาะกับการปลูกแอปริคอตเป็นอย่างยิ่ง! ทำให้ต้นแอปริคอตเป็นที่แพร่หลายจนทุกวันนี้เราสามารถชื่นชมดอกแอปริคอตได้ทุกฤดูใบไม้ผลิ
Anzu no Sato (あんずの里)
ที่อยู่: 515-1 Yashiro, Chikuma, Nagano 387-0007
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี Yashiro (屋代駅)
การเดินทาง: นั่งรถแท๊กซี่ 10 นาทีจากสถานีรถไฟ สถานี Yashiro (屋代駅) ของทางรถไฟ Shinano
เวลาเปิดทำการ: ทั้งวัน
ค่าเข้า: ฟรี
3) ทิวลิป (チューリップ)
ดอกทิวลิป (チューリップ, chūrippu) เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนีงาตะซึ่งเป็นจังหวัดแรกในญี่ปุ่นที่สามารถผลิตหัวดอกทิวลิปได้ ด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์และภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้นีงาตะเป็นผู้ผลิตทิวลิปอันดับสองของประเทศญี่ปุ่น ในทุกฤดูใบไม้ผลิคุณสามารถสนุกไปกับเทศกาลดอกทิวลิปมากมายที่จัดขึ้นทั่วพื้นที่จังหวัด เช่นเทศกาลเหล่านี้:
Gosen City Tulip Festival (五泉市チューリップ 祭り)
ช่วงชมดอกไม้: กลาง - ปลายเดือนเมษายน (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
บรรดาดอกทิวลิปในเทศกาล Gosen City Tulip Festival. (เครดิตรูปภาพ: 新潟県観光協会)
ถ้าเป็นเรื่องดอกทิวลิปของจังหวัดนีงาตะล่ะก็ เทศกาลที่ต้องพูดถึงก็คือ Gosen City Tulip Festival (五泉市チューリップ祭り, Gosen-shi chūrippu matsuri) หนึ่งในเทศกาลทิวลิปที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุด ภายในงานนี้คุณสามารถเดินเล่นให้เต็มที่ได้ท่ามกลางดอกทิวลิปหลากสีสันที่มีมากถึง 1.5 ล้านต้น โดยดอกทิวลิปเหล่านี้จะบานให้ชมตั้งแต่ช่วงกลาง - ปลายเดือนเมษายน และคุณสามารถสนุกไปกับบรรยากาศงานเทศกาลได้ ซึ่งภายในงานจะมีทั้งบูธจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้บริการด้วย
เกร็ดเกี่ยวกับทิวลิป: โดยทั่วไปผู้ผลิตจะไม่นิยมปลูกดอกทิวลิปในไร่เดียวกันอย่างต่อเนื่องเพราะดอกทิวลิปอาจติดเชื้อโรคที่อยู่ในดินได้ ดังนั้นสถานที่จัดเทศกาล Gosen City Tulip Festival จึงจะเปลี่ยนเวียนกันไปทุกปี โดยในรอบเวียนรอบหนึ่งจะกินเวลาทั้งหมด 5 ปี
Gosen City Tulip Festival (五泉市チューリップ 祭り)
ที่อยู่: Ipponsugi, Sumoto, Gosen-shi, Niigata 959-1601
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Gosen (五泉駅)
การเดินทาง: นั่งแท๊กซี่ 10 จากสถานี JR Gosen (五泉駅)
ค่าเข้า: ฟรี
Echigo Hillside Park Tulip Festival (国営越後丘陵公園チューリップまつり)
ช่วงชมดอกไม้: กลาง - ปลายเดือนเมษายน (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
บรรดาดอกทิวลิปที่สวน Echigo Hillside Park (เครดิตรูปภาพ: 新潟県観光協会)
อีกสถานที่ชมดอกทิวลิปที่ห้ามพลาดคือที่สวน Echigo Hillside Park ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดเทศกาล Echigo Hillside Park Tulip Festival (国営越後丘陵公園チューリップまつり) แม้ว่าจะเป็นงานเทศกาลเล็กๆ แต่ที่นี่เหมาะกับการพาครอบครัวที่มีน้องๆ เด็กเล็กมาเที่ยวด้วยกัน โดยในพื้นที่สวนมีทั้งกิจกรรมและสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ ได้สนุกกัน นอกจากนี้ สวนแห่งนี้ยังตั้งอยู่บนเนินเขา ดังนั้นนอกจากวิวทุ่งดอกทิวลิปแนวราบแล้วคุณยังสามารถชมดอกทิวลิปที่ไล่ระดับไปตามเนินเขาได้อีกด้วย
Echigo Hillside Park (国営越後丘陵公園)
ที่อยู่: 1905-1 Miyamotohigashikata-machi, Nagaoka-shi, Niigata 940-2082
การเดินทาง: นั่งรถบัส 35 นาทีจากสถานี JR Nagaoka (長岡駅)
เวลาเปิดทำการ: 09:30–17:00 (เดือนเมษายน)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ (อายุ 15 ปีขึ้นไป) 450 เยน, ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) 210 เยน , นักเรียนชั้นมัธยมต้นลงไปสามารถเข้าได้ฟรี
4) ดอกท้อฮานะโมโมะ (花桃)
ขณะที่ “ดอกไม้ผล” อย่างดอกบ๊วยและดอกแอปริคอตเป็นดอกไม้ที่จะโตไปเป็นผลไม้ที่กินได้ต่อไป ต้นไม้ที่ออกลูกท้อ (桃, momo) ที่เรากินกันกับต้นไม้ที่ออกดอกท้อฮานะโมโมะ (花桃, hanamomo) นั้นเป็นต้นไม้คนละสายพันธุ์กัน โดยต้นดอกท้อที่เราสามารถชมดอกท้อฮานะโมโมะได้นั้นเป็นไม้ประดับที่ไม่ออกผล
Hanamomo no Sato (花桃の里)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ดอกท้อที่กำลังบานสะพรั่งที่ Hanamomo no Sato (เครดิตรูปภาพ: Achi Hirugami Tourism Bureau)
ฮิรุกามิออนเซ็น (昼神温泉, Hirugami Onsen) ตั้งอยู่ในหุบเขาคิโสะและเป็นสถานที่ที่หลายคนยกให้เป็นแหล่งชมดอกท้อที่ดีที่สุด หมู่บ้านออนเซ็นที่เงียบสงบแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำที่มีความเป็นด่างซึ่งช่วยบำรุงสุขภาพผิวและคลายความเหนื่อยล้า และในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ต้นดอกท้อสีสันสดใสกว่า 5,000 ต้นจะแปลงโฉมที่แห่งนี้ให้สวยงามราวสวรรค์บนดิน
ต้นดอกท้อหลากสีสวยงาม (เครดิตรูปภาพ: Achi Hirugami Tourism Bureau)
Hanamomo no Sato (花桃の里) เป็นถนนที่ยาว 4 กม. ซึ่งมีต้นดอกท้อเรียงรายตลอดสองข้างทาง โดยดอกท้อมีหลากเฉดสีให้ชมตั้งแต่สีขาวอมชมพูไปจนถึงสีชมพูเข้มออกสีแดง และต้นไม้บางต้นอาจจะออกดอกท้อทั้งสามเฉดสีในต้นเดียวให้ชมด้วยซึ่งเป็นภาพที่สวยสะกดตาเลยทีเดียว นอกจากนี้ ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดเทศกาล Hanamomo Festival (花桃まつり Hanamomo Matsuri) ในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมอีกด้วย
เพื่อให้สามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกท้อได้อย่างเต็มที่ ฉันขอแนะนำให้คุณค้างคืนที่ฮิรุกามิออนเซ็นสักคืน เพราะนอกจากดอกท้อสวยงามให้ชมและออนเซ็นชวนผ่อนคลายแล้ว ฮิรุกามิออนเซ็นยังอยู่ใกล้จุดชมดาวอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น (จากข้อมูลของกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น) นั่นคือ Star Village Achi (スタービレッジ阿智, หมู่บ้านชมดาวอาจิ) โดยหลายที่พักในบริเวณฮิรุกามิออนเซ็นนั้นมีบริการทัวร์ชมดาวยามค่ำคืนที่ Star Village Achi ด้วย เท่ากับว่ามาที่ฮิรุกามิออนเซ็นที่เดียวคุณก็สามารถสนุกได้กับทั้ง 3 กิจกรรม นั่นคือการแช่ออนเซ็น ชมดอกท้อ และชมดาว (ถ้าสภาพอากาศเอื้ออำนวย)
Hanamomo no Sato (花桃の里)
อยู่: Chisato, Achi, Shimoina District, Nagano 395-0304
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี Kami-Suwa (上諏訪駅)
การเดินทาง: ขึ้นรถบัส 1 ชั่วโมง 30 นาทีไปยัง "ป้ายรถประจำทาง Hirugami Onsen" จากสถานี Kami-Suwa และนั่งรถแท็กซี่ 15 นาทีไปยัง Hanamomo no Sato โปรดทราบว่ารถบัสนี้สำหรับผู้เข้าพักค้างคืนที่ Hirugami Onsen โดยมีค่าธรรมเนียม 2,500 เยน (ไป-กลับ) ควรจองทางออนไลน์ภายในเวลา 9.00 น. สามวันก่อนวันที่คุณเดินทางมาถึง มีบริการรถรับส่งระหว่างป้ายรถประจำทางฮิรุกามิออนเซ็นไปยังฮานาโมโมะโนะซาโตะในช่วงฤดูฮานาโมโมะ (ข้อมูล ณ ปี 2022) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการรถโดยสาร โปรดไปที่เว็บไซต์
เวลาเปิดทำการ: ทั้งวัน
ค่าเข้า: เข้าได้ฟรี
5) ดอกนีโมฟีลา (ネモフィラ, Nemophila)
ถ้าคุณเป็นคนที่คุ้นเคยกับดอกไม้ดี คุณคงรู้ว่าดอกไม้สีฟ้านับเป็นดอกไม้ที่หายากเมื่อเทียบกับดอกไม้ที่มีโทนสีอุ่นเช่นชมพู แดง ส้ม และเหลือง อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือคุณสามารถชมดอกไม้สีฟ้า Baby Blue ชื่อนีโมฟีลา (ネモフィラ, Nemophila) ได้ที่ญี่ปุ่น! เจ้าดอกนีโมฟีลานี้มีกลีบดอกไม้เล็กๆ สีฟ้าโปร่งและเป็นที่รู้จักในนามดอก “Baby Blue Eyes”
Hitachi Seaside Park (ひたち海浜公園)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
(เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นพฤษภาคม ทั่วทั้งเนินเขา Miharashi-no-oka (みはらしの丘) ในพื้นที่สวน Hitachi Seaside Park (ひたち海浜公園, Hitachi Kaihin Kо̄en) ในจังหวัดอิบารากิจะเปลี่ยนเป็นสถานที่ที่สวยราวกับหลุดมาจากโลกแฟนตาซีด้วยดอกไม้สีฟ้ากว่า 4.5 ล้านดอกที่บานปกคลุมทั่วไปหมด
ด้วยเฉดสีที่คล้ายท้องฟ้า ทำให้วิวทุ่งดอกนีโมฟีลาที่มีท้องฟ้าครามเป็นฉากหลังนับเป็นวิวที่สวยราวกับโลกในจินตนาการและชวนให้รู้สึกสงบใจมากทีเดียว จึงไม่แปลกที่ดอกนีโมฟีลาเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันมาเที่ยวที่นี่ครั้งแรกในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมปี 2016 ซึ่งนับว่าฉันมาช้าไปและดอกไม้ร่วงหมดแล้ว ฉันมาที่นี่อีกครั้งในช่วงปลายเดือนเมษายนปี 2019 และฉันโชคดีมากที่มาทันช่วงดอกไม้บานเต็มที่พอดี!
ได้ชมทั้งดอกนีโมฟีลาและนาโนะฮานะพร้อมๆ กันด้วย (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
แถมเกร็ดเที่ยวอีกนิด: คุณสามารถชมทั้งดอกนาโนะฮานะ (菜の花, nanohana) สีเหลืองสดและดอกนีโมฟีเลียสีฟ้าละมุนพร้อมกันได้ในที่เดียวด้วยนะ เข้าไปอ่านบทความบันทึกการเที่ยวชม Hitachi Seaside Park ของฉันได้ที่นี่
Hitachi Seaside Park (ひたち海浜公園)
ที่อยู่: 605-4 Onuma-aza, Mawatari, Hitachinaka, Ibaraki 312-0012
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Katsuta (勝田駅)
การเดินทาง: นั่งรถบัส 15-20 นาทีจากสถานี JR Katsuta (勝田駅)
เวลาเปิดทำการ: ตรวจสอบเว็บไซต์ที่นี่
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 700 เยน
6) ชิบาซากุระ (芝桜)
ถึงจะชื่อว่าชิบาซากุระ (芝桜, shibazakura) แต่เจ้าดอกไม้นี้ไม่ใช่ซากุระชนิดหนึ่งแต่อย่างใด ชื่อชิบาซากุระมีที่มาจากหน้าตาของดอกไม้ที่ดูเหมือนซากุระและธรรมชาติของมันที่งอกจากพื้นดิน (ชิบะหมายถึงพื้นสนาม) นอกจากนี้ชิบาซากุระยังมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า ”Pink Moss Phlox” โดยชิบาซากุระเป็นพืชคลุมดินชนิดหนึ่งที่มีดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่บานปกคลุมพื้นดินเมื่อถึงฤดู สำหรับสถานที่ในญี่ปุ่นตะวันออกที่คุณสามารถชมชิบาซากุระได้นั้นมีสองที่ และทั้งหมดนี้อยู่ในพื้นที่ใกล้โตเกียว
Fuji Shibazakura Festival (富士芝桜まつり)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ตื่นตาไปกับดอกชิบาซากุระสีชมพูสดที่ตัดกับภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ในฉากหลัง (เครดิตรูปภาพ: Akira Okada / JNTO)
ต้องยอมรับว่าด้วยความที่ภูเขาไฟฟูจิถือเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นและมียอดเขาที่แทบจะเป็นรูปทรงสมมาตรนี้ ทำให้แค่มีภูเขาไฟฟูจิอยู่ในฉากหลังก็ทำให้ภาพถ่ายสวยขึ้นเป็นกองได้แล้ว และในงานเทศกาล Fuji Shibazakura Festival (富士芝桜まつり, Fuji Shibazakura Matsuri) นี้ ดอกชิบาซากุระกว่า 500,000 ดอกจะบานปกคลุมทั่วไปหมดและมีเฉดสีมากมายให้ชมทั้งสีชมพู ขาว และม่วง จนทำให้ภาพวิวของที่นี่สวยงามเทียบเคียงกับวิวดอกซากุระของจริงได้เลยทีเดียว แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ การได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิด้วยนั้นถือเป็นโชคดีอย่างยิ่ง เสียดายที่ฉันมาที่นี่ถึงสองครั้งแต่ก็ไม่ได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิชัดๆ เลย ไม่แน่ว่าถ้าคุณมาเที่ยวคุณอาจจะโชคดีได้เห็นทั้งวิวภูเขาและดอกไม้ก็เป็นได้ ส่วนตัวฉันนั้นจะมาเที่ยวที่นี่เรื่อยๆ จนกว่าจะได้เห็นวิวนั้นสักครั้ง!
Fuji Shibazakura Festival (富士芝桜まつり)
ที่อยู่: 212 Motosu, Fujikawaguchiko-machi, Minamitsuru-gun, Yamanashi 401-0337
การเดินทาง: จากสถานีรถไฟ Fujikyuko Kawaguchiko (河口湖駅) ให้ต่อรถบัส 40 นาทีเพื่อไปยังสถานที่จัดงาน Fuji Shibazakura Festival
เวลาเปิดทำการ: แตกต่างกันไปในแต่ละวัน
ค่าเข้า: 1,000-1,200 เยนต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน
Hitsujiyama Park Shibazakura Hill (羊山公園芝桜の丘)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ดอกชิบาซากุระที่สวน Hitsujiyama Park (เครดิตรูปภาพ: Akira Okada / JNTO)
จังหวัดไซตามะเป็นจังหวัดข้างเคียงโตเกียว ซึ่งหลายคนที่ทำงานในโตเกียวมักจะอาศัยอยู่ในไซตามะ และนับเป็นโชคดีของคนในไซตามะที่พวกเขาไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อชมสีสันแห่งดอกชิบาซากุระ และคุณเองที่มาเที่ยวพักแรมในโตเกียวก็ไม่ต้องเดินทางไกลเช่นกัน เพราะที่เนินเขา Shibazakura Hill (芝桜の丘, Shibazakura-no-oka) ในสวน Hitsujiyama Park (羊山公園, Hitsujiyama Kōen) แห่งนี้ คุณสามารถชมวิวดอกชิบาซากุระกว่า 400,000 ดอกได้ โดยแปลงดอกไม้ที่นี่มีการปลูกให้มีลวดลายสวยงามน่าชมด้วย
Hitsujiyama Park (羊山公園)
ที่อยู่: 6360 Omiya, Chichibu, Saitama 368-0023
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี Seibu Railway Seibu-Chichibu (西武秩父駅) / สถานี Chichibu Railway Ohanabatake (御花畑駅)
การเดินทาง: เดิน 20 นาทีจากสถานี Seibu Railway Seibu-Chichibu (西武秩父駅) หรือสถานี Chichibu Railway Ohanabatake (御花畑駅)
เวลาเปิดทำการ: 08:00–17:00
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 300 เยน
7) นาโนะฮานะ (菜の花)
สีเหลืองเป็นสีที่มักถูกเชื่อมโยงกับความสุข เพราะฉะนั้น มาเดินเล่นท่ามกลางสีเหลืองชวนสุขใจของดอกนาโนะฮานะ (菜の花, rapeseed blossoms) กันไหม? ถ้าคุณสนใจ ฉันมีสองสถานที่น่าเที่ยวมาแนะนำ
Nanohana Festival in Yokohama (菜の花フェスティバルinよこはま)
ช่วงชมดอกไม้: กลาง - ปลายเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ทุ่งดอกนาโนะฮานะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (เครดิตรูปภาพ: 青森県観光連盟)
ณ จังหวัดอาโอโมริ จังหวัดที่อยู่เหนือสุดของเกาะหลักญี่ปุ่นนั้นมีเมืองที่เงียบสงบแห่งหนึ่งชื่อเมืองโยโกฮามะ (横浜町, Yokohama-machi) อยู่ และเมืองนี้คือเมืองที่มีทุ่งดอกนาโนะฮานะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศซึ่งกว้างมากถึง 1.5 ตารางกิโลเมตร ถือว่ากว้างเป็น 30 เท่าของ Tokyo Dome ทีเดียว!
ด้วยความที่ดอกนาโนะฮานะมีลำต้นสูง ทำให้ในช่วงกิจกรรมที่นี่จะมีกิจกรรมยอดฮิตคือการเดินเขาวงกตดอกนาโนะฮานะ อย่าเผลอเดินหลงทางระหว่างหาทางออกเชียวล่ะ! แม้ว่าเทศกาล Nanohana Festival in Yokohama (菜の花フェスティバルinよこはま) จะจัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กลางเดือนพฤษภาคม แต่คุณก็ยังสามารถมาชมดอกไม้ในช่วงเวลาก่อนหรือหลังวันเทศกาลได้เช่นกัน
Nanohana Festival in Yokohama (菜の花フェスティバルinよこはま)
ที่อยู่: Mameda, Yokohama-machi, Kamikita-gun, Aomori 039-4114
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Mutsu-Yokohama (陸奥横浜駅)
การเดินทาง: นั่งรถแท๊กซี่ 10 นาทีจากสถานี JR Mutsu-Yokohama (陸奥横浜駅)
เวลาเปิดทำการ: ทั้งวัน
ค่าเข้า: ฟรี
Iiyama Nanohana Festival (いいやま菜の花まつり)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ทิวทัศน์ที่สวยลงตัวสุดๆ ของดอกนาโนะฮานะที่มีดอกซากุระและภูเขาที่ปกคุลมด้วยหิมะอยู่ด้วย (เครดิตรูปภาพ: 信州いいやま観光局)
อีกสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกนาโนะฮานะคือที่สวน Nanohana Park ในเมืองอียามะ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำจิคุมะทำให้ที่นี่มีวิวบรรยากาศชนบทที่สวยสุดๆ และด้วยความที่เมืองนี้อยู่ทางใต้กว่าเมืองโยโกฮามะจึงทำให้ดอกไม้ที่นี่บานให้ชมเร็วกว่า ถ้าคุณโชคดี คุณอาจจะมาทันชมดอกซากุระสีชมพูชุดสุดท้ายของปีที่บานคู่กับดอกนาโนะฮานะสีเหลืองก็เป็นได้ โดยมีภูเขาที่ยอดปกคลุมด้วยหิมะเป็นฉากหลัง
เทศกาล Iiyama Nanohana Festival (いいやま菜の花まつ, Iiyama Nanohana Matsuri) จะถูกจัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ต้นเดือนพฤษภาคม แต่คุณสามารถเข้ามาชมดอกไม้ทั้งก่อนและหลังวันจัดงานเทศกาลได้เช่นกัน ในช่วงฤดูดอกนาโนะฮานะนี้ ทั่วทั้งเมืองอียามะจะมีกิจกรรม “Happy Yellow” จัดขึ้นมากมาย เช่นในกิจกรรมปีก่อนๆ ก็มีภาพวาดจิตรกรรมปีกนางฟ้าที่สถานี JR Iiyama ให้คุณไปโพสท่าถ่ายรูปได้ และยังมีตู้ไปรษณีย์สีเหลืองสดใสตั้งอยู่ในเมืองอีกด้วย (ผิดกับตู้ไปรษณีย์ทั่วไปในญี่ปุ่นที่มักเป็นสีแดง)
Iiyama Nanohana Festival (いいやま菜の花まつり)
ที่อยู่: 495-2 Mizuho, Iiyama-shi, Nagano 389-2322
การเดินทาง: จากสถานี JR Iiyama (飯山駅) ต่อรถบัส 25 นาทีมาลงที่ป้าย Yu-no-irisо̄ Iriguchi (湯の入荘入口) (ทั้งนี้รถบัสจะให้บริการเฉพาะช่วงดอกไม้บานเท่านั้น)
เวลาเปิดทำการ: 09:00–16:30 (ปี 2023)
ค่าเข้า: ฟรี
8) ดอกวิสเทอเรีย (藤)
ที่ผ่านมาเราได้ดูดอกไม้ที่บานบนต้นไม้และดอกไม้ที่บานบนดินกันมาเยอะแล้ว ครั้งนี้เราจะมาดูดอกไม้ที่โตบนเถาวัลย์กันบ้าง นั่นคือดอกวิสเทอเรีย (藤, fuji) โดยดอกวิสเทอเรียมีลำต้นเป็นเถาวัลย์ ซึ่งต้นวิสเทอเรียที่มีอายุมากนั้นจะต้องมีอุปกรณ์ค้ำยันไว้ให้เถาวัลย์ยังสามารถห้อยลงมาได้ จนเป็นม่านดอกวิสเทอเรียสวยงาม
Ashikaga Flower Park (あしかがフラワーパーク)
ช่วงชมดอกไม้:
- ดอกวิสเทอเรียสีม่วงอ่อน: กลาง - ปลายเดือนเมษายน (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
- ดอกวิสเทอเรียสีม่วงเข้ม: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
- ดอกวิสเทอเรียสีขาว: ต้น - กลางเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
- ดอกวิสเทอเรียสีเหลือง: กลาง - ปลายเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ต้นวิสเทอเรียขนาดใหญ่ที่สวน Ashikaga Flower Park. (เครดิตรูปภาพ: Ashikaga Flower Park)
ถ้าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมดอกวิสเทอเรียในพื้นที่ตะวันออกของญี่ปุ่น ก็ต้องยกให้ Ashikaga Flower Park (あしかがフラワーパーク, Ashikaga Furawā Pāku) อย่างไม่ต้องสงสัย โดยที่สวนแห่งนี้มีดาวเด่นคือต้นวิสเทอเรียเก่าแก่ขนาดใหญ่ให้ชมกัน ซึ่งคาดว่าต้นวิสเทอเรียนี้มีอายุประมาณ 150 ปีและปัจจุบันก็เป็นความภาคภูมิใจของสวนในฐานะ “ต้นวิสเทอเรียใหญ่ที่สวยงามที่สุดในโลก” เมื่อถึงเวลาบานต้นวิสเทอเรียนี้จะมีดอกไม้สีม่วงปรกลงมาอย่างสวยงามอลังการ
หลากสีสันแห่งดอกวิสเทอเรียในสวน Ashikaga Flower Park. (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
แม้ว่าทุกคนจะพากันมาชื่นชมดอกวิสเทอเรียสีม่วงเข้ม แต่นอกจากนี้ก็ยังมีดอกวิสเทอเรียสีม่วงอ่อน สีขาว และสีเหลืองที่ผลัดกันบานในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้นคุณจึงสามารถชมดอกวิสเทอเรียได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม
อ่านบทความเล่าประสบการณ์เยือนสวน Ashikaga Flower Park ก่อนหน้านี้ของฉันได้ที่นี่
Ashikaga Flower Park (あしかがフラワーパーク)
ที่อยู่: 607 Hasama-cho, Ashikaga-shi, Tochigi 329-4216
การเดินทาง: ลงรถไฟที่สถานี JR Ashikaga Flower Park (あしかがフラワーパーク駅) แล้วเดินข้ามถนนมา
เวลาทำการ: 07:00–21:00 (เป็นช่วงเวลาทำการพิเศษในฤดูดอกวิสเทอเรีย)
ค่าเข้า: 900–1,800 เยน (ราคาจะต่างออกไปตามสภาพของดอกไม้)
9) ดอกแอปเปิ้ล (りんご)
“ดอกไม้ผล” ชนิดสุดท้ายในลิสต์ของเราคือดอกแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ฉันชอบที่สุด และฉันประทับใจมากเมื่อได้มาลองชิมแอปเปิ้ลหลากหลายสายพันธุ์ในจังหวัดอาโอโมริ แต่นอกจากการเก็บแอปเปิ้ลแล้ว รู้หรือไม่ว่าในช่วงต้นจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมเราสามารถชมดอกแอปเปิ้ลสีขาวเล็กๆ สวยงามได้ด้วย? ถ้าคุณอยากชมดอกแอปเปิ้ล ไปที่อาโอโมริและนากาโนะสองแหล่งผลิตแอปเปิ้ลระดับท็อปของญี่ปุ่นกันเลย
Hirosaki Apple Park (弘前りんご公園)
ช่วงชมดอกไม้: ต้น - กลางเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ดอกแอปเปิ้ลที่สวน Hirosaki Apple Park. (เครดิตรูปภาพ: 青森県観光連盟)
จังหวัดอาโอโมริเป็นผู้ผลิตแอปเปิ้ลอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยเมืองฮิโรซากิที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเป็นเมืองที่ผลิตแอปเปิ้ลมากที่สุด สวน Hirosaki Apple Park (弘前りんご公園, Hirosaki ringo kōen) เป็นสวนที่มีต้นแอปเปิ้ลมากถึง 2,300 ต้น และในฤดูใบไม้ผลิคุณสามารถชมต้นแอปเปิ้ลที่กำลังผลิดอกบานสะพรั่งได้โดยมีเขาอิวากิที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่เป็นฉากหลังสุดอลังการ
เทศกาล Apple Blossom Festival (りんご花まつり, ringo hana matsuri) ที่กินเวลานานหนึ่งสัปดาห์เป็นเทศกาลที่จัดในช่วงดอกไม้บานทุกต้นเดือนพฤษภาคม ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถชมการแสดงต่างๆ อร่อยกับซุ้มขายอาหาร และกิจรรมสนุกๆ เช่นการเดินเขาวงกต การเข้าเวิร์คช้อปงานไม้ต้นแอปเปิ้ล พิธีชงชา และอีกมากมาย
Hirosaki Apple Park (弘前りんご公園)
ที่อยู่: 125 Terasawa, Shimizutomita, Hirosaki-shi, Aomori 036-8262
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Hirosaki (弘前駅)
การเดินทาง: ลงรถไฟที่สถานี JR Hirosaki (弘前駅) แล้วต่อรถบัส Tamenobu (ためのぶ号) (ราคา 200 เยน) (รถบัสจะให้บริการเฉพาะเดือนเมษายน - เดือนพฤศจิกายน)
เวลาทำการ: ทั้งวัน
ค่าเข้า: ฟรี
Nagano Apple Line (長野アップルライン)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
บรรดาต้นแอปเปิ้ลตามแนว Nagano Apple Line. (เครดิตรูปภาพ: Nagano Prefecture)
จังหวัดนากาโนะเป็นจังหวัดที่ผลิตแอปเปิ้ลมากเป็นอันดับสองรองจากจังหวัดอาโอโมริ โทโยโนะ (豊野, Toyono) เป็นพื้นที่แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องสวนต้นแอปเปิ้ล โดยบนทางหลวงสาย 18 นั้นมีช่วงถนนช่วงหนึ่งที่เรียกว่า Nagano Apple Line (長野アップルライン, Nagano Appuru Rain) ซึ่งมีความยาว 7 กิโลเมตร ในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม คุณจะได้ชมดอกไม้บานบนบรรดาต้นแอปเปิ้ล และในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายนต้นไม้ที่นี่ก็จะออกผล
Nagano Apple Line (長野アップルライン)
ที่อยู่: ตามถนนสาย Route 18, Toyono-machi, Nagano-shi, Nagano
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี Toyono Station (豊野駅) ของทางรถไฟ Shinano Railway
การเดินทาง: นั่งรถแท๊กซี่ 5 นาทีจากสถานี Toyono Station (豊野駅) ของทางรถไฟ Shinano Railway.
เวลาทำการ: ที่นี่มีสวนแอปเปิ้ลหลายแห่งซึ่งส่วนมากเป็นสวนส่วนบุคคล ดังนั้นฉันจึงขอแนะนำให้ติดต่อกับทางสวนที่คุณสนใจจะเข้าไปเยี่ยมชม หรือถ้าคุณไม่ได้จะเข้าไปในพื้นที่สวน คุณก็สามารถชมวิวจากริมถนนได้ฟรี
10) ดอกอาซาเลีย (つつじ)
คุณกำลังมองหาดอกไม้สีสดใสอยู่ใช่ไหม? มาชมดอกอาซาเลีย (つつじ, tsutsuji) ดอกไม้พุ่มที่มีดอกไม้สีสดใสที่ผู้คนชื่นชอบกัน
Tsurumine Park (鶴峯公園)
ช่วงชมดอกไม้: ต้น - กลางเดือนพฤษภาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ดอกอาซาเลียเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใส (เครดิตรูปภาพ: Okaya City)
สวน Tsurumine Park (鶴峯公園, Tsurumine Kо̄en) ในจังหวัดนากาโนะเป็นสวนที่มีดอกอาซาเลียกว่า 30 สายพันธุ์จำนวนทั้งหมดมากกว่า 30,000 ต้น ทำให้ในช่วงต้นจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมสวนแห่งนี้จึงถูกแต้มไปด้วยดอกไม้สวยงามหลากเฉดสีทั้งแดง ส้ม ชมพู และม่วง
สวน Tsurumine Park คือจุดชมดอกอาซาเลียที่ดีที่สุดในภาคกลางจังหวัดญี่ปุ่น (เครดิตรูปภาพ: Okaya City)
สวน Tsurumine Park มีความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยสวนแห่งนี้เป็นสวนที่ถูกบริจาคโดยเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้บริจาคที่ดินให้กับหมู่บ้าน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ชาวบ้านได้ปลูกต้นอาซาเลีย 300 ต้นในพื้นที่สวน โดยตอนที่สั่งซื้อต้นอาซาเลียชาวบ้านได้ชูสามนิ้วเพื่อสื่อถึงต้นไม้ 300 ต้น แต่ด้วยความที่เศรษฐีผู้บริจาคที่ดินเป็นผู้ที่มั่งคั่งมาก พ่อค้าจึงเข้าใจผิดว่าชาวบ้านหมายถึง “ต้นไม้ที่สามตู้รถสินค้าขนไหว” ชาวบ้านจึงตกใจมากเมื่อต้นไม้จำนวนมหาศาลที่พวกเขาสั่งได้มาส่ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคืนต้นไม้เหล่านั้นได้ ต้นไม้ทั้งหมดนี้จึงถูกปลูกในสวน Tsurumine Park ไปโดยปริยาย
เป็นความผิดพลาดที่เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี จนเป็นที่มาของสวนต้นอาซาเลียที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาคกลางของญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวที่ดีทีเดียวใช่ไหมคะ?
Tsurumine Park (鶴峯公園)
ที่อยู่: 3-13 Kawagishigami, Okaya-shi, Nagano
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR JR Okaya (岡谷駅)
การเดินทาง: จากสถานี JR Okaya (岡谷駅) เดินต่ออีก 25 นาที หรือต่อรถแท๊กซี่อีก 5 นาที
เวลาทำการ: ทั้งวัน
ค่าเข้า: ฟรี
11) ป๊อบปี้ (ポピー)
ถ้าพูดถึงดอกป๊อบปี้ (ポピー, popī) คุณอาจจะนึกถึงดอกฝิ่น (Oriental Poppy) แต่ดอกป๊อบปี้ที่ถูกปลูกทั่วไปในญี่ปุ่นคือดอกเชอร์ลี่ย์ป๊อบปี (シャーレーポピー, Shirley Poppy) และคุณไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล เพราะในพื้นที่ใกล้โตเกียวมีหนึ่งในจุดชมดอกป๊อบปีที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดให้คุณไปเที่ยวชมกันได้
Poppies in the Sky (天空のポピー)
ช่วงชมดอกไม้: กลางเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนมิถุนายน (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ทุ่งดอกป๊อบปี้สีแดงชาดสวยงาม (เครดิตรูปภาพ: ポピーまつり実行委員会)
เทศกาลดอกป๊อบปี้ Poppies in the Sky (天空のポピー Tenkū no Popī) สุดตระการตานี้ถูกจัดที่ Sainokuni Fureai Bokujo (彩の国ふれあい牧場, Sainokuni Fureai Bokujо̄) ในแถบจิจิบุของจังหวัดไซตามะ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวโตเกียวผู้รักธรรมชาติ
ทุ่งดอกป๊อบปี้สวยงาม ณ ที่จัดงานเทศกาล Poppies in the Sky (เครดิตรูปภาพ: ポピーまつり実行委員会)
ตื่นตาไปกับภาพดอกป๊อบปี้สีแดงชาดทั้ง 15 ล้านต้นที่บานคลุมทั่วทั้งพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร ดอกไม้ทั้งหมดที่ปกคลุมพื้นดินจนมิดนั้นดูเหมือนพรมสีแดงขนาดใหญ่ของธรรมชาติ โดยทุ่งดอกป๊อบปี้นี้อยู่บนเนินเขาที่ลาดสูง 500 เมตร ดังนั้นถ้าอากาศเป็นใจคุณอาจจะได้โชคดีได้สัมผัสกับทะเลหมอก (雲海, unkai) ด้วย
Sainokuni Fureai Bokujo (彩の国ふれあい牧場)
ที่อยู่: 2949-1 Oaza-Sakamoto, Higashi-Chichibumura, Chichibu-gun, Saitama
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี Minano Chichibu Railway (皆野駅)
การเดินทาง: จากสถานี Minano (皆野駅) ของทางรถไฟสาย Chichibu Railway ให้นั่งรถชัตเติ้ลบัสที่ให้บริการฟรี (ให้บริการเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์) หรือต่อรถแท๊กซี่อีก 15 นาที
เวลาทำการ: 09:00–17:00
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 500 เยน
12) ไฮเดรนเยีย (あじさい)
ปิดท้ายลิสต์ดอกไม้ที่แนะนำทั้ง 12 ชนิดของฉันกันด้วยดอกไฮเดรนเยีย (あじさい, ajisai) ซึ่งถ้าดอกบ๊วยเป็นสัญญาณถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ ดอกไฮเดรนเยียก็เป็นสัญญาณช่วงสิ้นสุดของฤดูใบไม้ผลิและการเริ่มต้นฤดูร้อนนั่นเอง
Michinoku Hydrangea Garden (みちのくあじさい公園)
ช่วงชมดอกไม้: ปลายเดือนมิถุนายน - ปลายเดือนกรกฎาคม (อาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี)
ดอกไฮเดรนเยีย ดอกไม้ที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตรูปภาพ: 東北観光推進機構)
ดอกไม้ส่วนใหญ่มักจะมีสีที่หลากหลายไปตามสายพันธุ์ แต่รู้หรือไม่? ว่าดอกไฮเดรนเยียสามารถเปลี่ยนสีได้ตามค่า pH ของดินที่ปลูก ดอกไฮเดรนเยียที่ปลูกในดินที่มีความเป็นกรดจะมีสีฟ้า ขณะที่ดอกไฮเดรนเยียที่ปลูกในดินที่เป็นด่างจะมีสีชมพู
ชมดอกไฮเดรนเยียนับพันตลอดเส้นทางเดิน 2 กิโลเมตร (เครดิตรูปภาพ: 岩手県観光協会)
แม้จะมีแหล่งชมดอกไฮเดรนเยียมากมายในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวัดต่างๆ แถวคามาคุระ แต่จุดชมไฮเดรนเยียที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (อ้างอิงจากสมาคม Nippon Hydrangea Association) ก็คือที่ Michinoku Hydrangea Garden (みちのくあじさい公園, Michinoku Ajisai Kо̄en) ในจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสวนไฮเดรนเยียที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยมีความกว้างเป็นสามเท่าของโตเกียวโดม
ตลอดเส้นทางเดินที่ยาว 2 กิโลเมตรนี้มีต้นซีดาร์สูงใหญ่เรียงขนาบอยู่พร้อมดอกไฮเรนเยีย 400 สายพันธุ์ราว 40,000 ต้นอยู่ด้วย คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับภาพบรรยากาศชวนต้องมนตร์ได้โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่จะมีหมอกปกคลุมต้นไม้อยู่ เดินสบายๆ ท่ามกลางสวนดอกไฮเดรนเยียและเพลิดเพลินไปกับ shinrin’yoku (森林浴, forest bathing) หรือก็คือการอาบพลังจากธรรมชาตินั่นเอง
Michinoku Hydrangea Garden (みちのくあじさい公園)
ที่อยู่: 111 Harasawa, Maikawa, Ichinoseki-shi, Iwate 021-0221
การเดินทาง: จากสถานี JR Ichinoseki (一ノ関駅) นั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง Surisawa อีก 30 นาที และลงรถที่ป้าย Mizukami (水上停) จากนั้นเดินต่ออีก 20 นาที
เวลาทำการ: 08:00–17:00
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 200 เยน
การเดินทาง
ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน JR East Rail Pass เหล่านี้ก็มีส่วนลดพิเศษมากมายสำหรับการเดินทางในพื้นที่ตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งตั๋ว Pass เหล่านี้เป็นตั๋วที่คุณสามารถใช้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ฉันได้แนะนำไว้ในบทความนี้
JR EAST PASS
ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) และ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) แบบใหม่ (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ตั๋ว JR EAST PASS มีทั้งหมดสองแบบ ซึ่งทั้งสองแบบนี้เป็นตั๋วที่ให้คุณนั่งรถไฟสาย JR East (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น) ได้อย่างไม่จำกัดในพื้นที่ที่ตั๋วแต่ละแบบครอบคลุมตลอดระยะเวลาทั้งหมด 5 วันติดต่อกัน ผู้ถือตั๋ว Pass สามารถจองที่นั่งรถไฟชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ที่นี่ได้ฟรี โดยสามารถจองได้ล่วงหน้านานถึง 1 เดือน
ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) มีราคาเพียง 20,000 เยน ซึ่งถูกกว่าค่าโดยสารไปกลับระหว่างโตเกียวและอาโอโมริ (~35,000 เยน) ขณะที่ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) มีราคาเพียง 18,000 เยน ซึ่งถูกกว่าค่าโดยสารไปกลับระหว่างโตเกียวและนีงาตะ (~21,000 เยน)
JR TOKYO Wide Pass
ตั๋ว JR TOKYO Wide Pass และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ถ้าคุณเดินทางในพื้นที่ภูมิภาคคันโตเป็นหลัก ขอแนะนำตั๋ว JR TOKYO Wide Pass ตั๋วราคาจับต้องได้ที่ให้คุณสามารถนั่งรถไฟสาย JR East (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น) ได้อย่างไม่จำกัดในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 3 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 10,180 เยน ตั๋วนี้จึงถูกกว่าค่าเดินทางไปกลับระหว่างสนามบินนาริตะและ Ashikaga Flower Park (~16,000 เยน) และยังครอบคลุมทางรถไฟสาย Fujikyūkō ที่เป็นทางผ่านไปยัง Kawaguchiko อีกด้วย
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: photoAC, JR East / Carissa Loh, 青森県観光連盟, ポピーまつり実行委員会 and 東北観光推進機構
Translated by ANNGLE