Japan Rail Times
The
Rail Way
to Travel
Rail Travel

ฮาคุบะช่วงฤดูร้อน สถานที่นี้เต็มไปด้วยธรรมชาติและการผจญภัยอันงดงาม

ฮาคุบะช่วงฤดูร้อน สถานที่นี้เต็มไปด้วยธรรมชาติและการผจญภัยอันงดงาม

คุณเคยได้ยินชื่อฮาคุบะ (白馬) หรือเปล่าคะ ใครที่ชื่นชอบกีฬาฤดูหนาวอย่างสกีและสโนว์บอร์ดอาจจะรู้จักฮาคุบะในฐานะที่เป็นหนึ่งในสถานที่จัดงานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 1998 ทุกๆ ปีในหน้าหนาว ชาวต่างชาติจำนวนมากจะเดินทางไปฮาคุบะเพื่อเล่นกีฬาฤดูหนาวเหล่านี้


ฮาคุบะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดนากาโนะ (長野県) ที่นี่มีชื่อเสียงมากในฤดูหนาวจากหิมะที่เป็นปุยนุ่ม แต่นอกจากนี้ฮาคุบะยังเป็นสถานที่ที่สามารถสนุกเพลิดเพลินในฤดูกาลที่ไม่มีหิมะได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูร้อนที่เราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์อันน่าหลงใหลจากทั่วทั้งหมู่บ้าน คุณจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติบนกอนโดล่าขนาดมหึมาและลิฟต์ที่มีอยู่ทั่วฮาคุบะ ซึ่งทำให้คุณได้สัมผัสกับวิวกว้างใหญ่ไพศาลจากมุมสูง แต่นอกจากกอนโดล่าและลิฟต์แล้ว การปั่นจักรยานและเดินเขาก็เป็นกิจกรรมที่ดีในการสำรวจพื้นที่ที่มีเสน่ห์แห่งนี้ในช่วงฤดูร้อน เมื่อภูเขาสูงตระหง่านมีชีวิตชีวาขึ้นมา

 

ในบทความนี้เราจะแนะนำแผนการเดินทาง 3 วัน 2 คืน ไปยังฮาคุบะในช่วงฤดูร้อน และแนะนำจุดชมวิวและสถานที่กินอร่อย ๆ ระหว่างทางด้วยค่ะ!

 

วันที่ 1: ออกเดินทางไปฮาคุบะและภูเขาอิวาทาเคะ

วิวสามทะเลสาบแห่งนิชินะ

วิวของทะเลสาบอาโอกิจากหน้าต่างรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ในการเดินทางไปฮาคุบะ พวกเรานั่งรถไฟไปตามเส้นทาง JR Oito Line และเพลิดเพลินกับวิวสวยๆ นอกหน้าต่างรถไฟ จากหน้าต่างรถไฟจะมองเห็นวิวสามทะเลสาบแห่งนิชินะ (仁科三湖 นิชินะ ซันโกะ) อันได้แก่ ทะเลสาบคิซากิ (木崎湖 คิซากิโกะ) ทะเลสาบอาโอกิ (青木湖 อาโอกิโกะ) และทะเลสาบนาคัทสึนะ (中綱湖 นาคัทสึนะโกะ) พร้อมด้วยวิวของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนืออันงดงาม ซึ่งที่ทะเลสาบอาโอกิและทะเลสาบคิซากินั้นมีจุดตั้งแคมป์อยู่ใกล้ๆ ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นการเล่นแพดเดิ้ลบอร์ด (SUP) และพายเรือแคนูด้วย

 

เดินทางถึงสถานีฮาคุบะ

วิวจากสถานีฮาคุบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akinori Ueno)

 

หลังจากที่เดินออกจากประตูตรวจตั๋วมาแล้วก็จะพบกับภูเขาสูงของฮาคุบะรอต้อนรับเราอยู่ ไม่ว่าครั้งไหนที่เราเดินออกจากสถานีฮาคุบะ เราก็มักจะรู้สึกประทับใจกับวิวอันน่าตื่นตาของภูเขาสูงเหล่านี้อยู่เสมอ

 

สามยอดเขาได้แก่ ชิโรอุมะดาเกะ (2,932 เมตร) ชาคุชิดาเกะ (2,812 เมตร) และฮาคุบะ ยาริงาทาเกะ (2,903 เมตร) ที่รวมกันแล้วรู้จักกันในชื่อ ฮาคุบะ ซันซัน (白馬三山 ภูเขาสามลูกแห่งฮาคุบะ) รอต้อนรับเราตั้งแต่ก้าวออกจากสถานี น่าทึ่งมากที่ภูเขาเหล่านี้สูงเกือบ 3 กม. แต่ว่าดูเหมือนกับอยู่ใกล้เรามากๆ เลย ไม่มีสถานีไหนจะเหมือนฮาคุบะแห่งนี้อีกแล้วค่ะ

 

ไป Hakuba Iwatake Mountain Resort กันเถอะ!

วิวที่จะได้เห็นเมื่อลงจากกอนโดล่า (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

จุดแรกที่เราแวะไปในวันนี้คือ Hakuba Iwatake Mountain Resort จากสถานีฮาคุบะ เราขึ้นชัทเทิลบัสไปที่เชิงเขาอิวาทาเคะ จากนั้นขึ้นโนอากอนโดลาไปยัง Hakuba Iwatake Mountain Resort เมื่อลงจากกอนโดลามา เราก็ได้เห็นเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือที่ยังมีหิมะปกคลุมบนยอดเขานิดๆ อยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้พวกเรารู้สึกประทับใจกับความงดงามของธรรมชาติเป็นอย่างมาก

 

จุดถ่ายรูปยอดนิยม (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

THE CITY BAKERY ร้านเบเกอรี่จากนิวยอร์กได้มาเปิดสาขาแรกในจังหวัดนากาโนะที่ฮาคุบะนี้ ร้านอยู่ใกล้ๆ กับสถานีกอนโดลาเลย ร้านเบเกอรี่ร้านนี้เป็นจุดถ่ายรูปที่เยี่ยมมาก และคุณสามารถถ่ายรูปได้เหมือนในภาพด้านบนเลยค่ะ

 

วิวพาโนรามาจาก HAKUBA MOUNTAIN HARBOR (เครดิตรูปภาพ: Hakuba IWATAKE)

 

แต่วิวที่เด็ดที่สุดยังรอคุณอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของร้านเบเกอรี่ นั่นคือระเบียงชมวิวที่เรียกว่า HAKUBA MOUNTAIN HARBOR คุณจะได้ชมวิวของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือและภูเขาในฮาคุบะแบบพาโนรามาจากความสูง 1,289 เมตรแบบไม่มีอะไรขวางกั้นเลย

 

วิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาจาก HAKUBA MOUNTAIN HARBOR ในฤดูกาลต่างๆ (เครดิตรูปภาพ: Hakuba IWATAKE)

 

ระเบียงนี้เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2018 ที่ผ่านมา จากตรงนี้คุณจะมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาโดยรอบในแบบไม่มีที่ไหนเทียบได้ ทั้งวิวของภูเขาที่แต้มยอดด้วยหิมะในฤดูใบไม้ผลิ ภูเขาสีเขียวชะอุ่มในฤดูร้อน ไปจนถึงวิวสีสันโทนอบอุ่นในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว

 

เพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศและวิวสวยๆ  (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

บริเวณระเบียงมีโต๊ะและเก้าอี้ด้วย พวกเราก็เลยนั่งทานครัวซองต์และแซนด์วิชจาก THE CITY BAKERY เป็นอาหารกลางวันพร้อมกับชมวิวสวยๆ ของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือไปด้วย

 

มัฟฟินอบเชยและช็อกโกแลตร้อนอันโด่งดังของร้าน THE CITY BAKERY (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

และแน่นอนว่าเราต้องไม่พลาดชิมเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน นั่นคือมัฟฟินอบเชยชิ้นหนากับช็อกโกแลตร้อนเข้มข้น ซึ่งก็อร่อยมากแบบไม่ทำให้ผิดหวังเลย

 

สนุกไปกับการนั่งรถลาก ATV (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

หลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เราก็ไปนั่งรถลาก ATV และดื่มด่ำกับธรรมชาติของอิวาทาเคะจนเต็มอิ่ม ที่ภูเขาอิวาทาเคะมีกิจกรรมกลางแจ้งสนุกๆ มากมาย ซึ่งเหมาะมากสำหรับสายเอ็กซ์ตรีมที่อยากจะเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติในรูปแบบที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น

 

มีกิจกรรมน่าตื่นเต้นมากมายให้ได้สนุกกันที่ภูเขาอิวาทาเคะ (เครดิตรูปภาพ: Hakuba IWATAKE)

 

นอกจากการนั่งรถลาก ATV แล้ว คุณยังสามารถลองปั่นจักรยานภูเขา เดินเขาแบบมีไกด์นำ เล่นเกมฝ่าด่านอุปสรรคที่ความสูง 8-12 เมตร และอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุดก็มีชิงช้าที่คุณสามารถนั่งแกว่งชมวิวภูเขาแบบพาโนรามาไปด้วยได้ อันนี้ไม่แนะนำสำหรับคนที่กลัวความสูงนะคะ แต่ดูแล้วน่าสนุกมากเลย!

 

ผิงไฟในกระท่อมไม้ซุง

บ้านพักสไตล์กระท่อมไม้ซุงอันแสนสบายของ Reposer (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

เพื่อความพิเศษและแปลกใหม่ พวกเราเลยเลือกเข้าพักที่ Reposer ซึ่งเป็นที่พักสไตล์กระท่อมไม้ซุงดูแปลกตา ตัวโรงแรมสร้างด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ แถมยังมีเตาผิงของจริงที่จุดไฟไว้ต้อนรับแขกในฤดูหนาวอีกด้วย! การตกแต่งภายในด้วยไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น การบริการก็เป็นกันเองเพราะมีห้องพักเพียง 6 ห้องเท่านั้น ทำให้การเข้าพักที่นี่ทั้งดีเลิศและสะดวกสบายอย่างที่สุด

 

อาหารเย็นรสเลิศ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

Reposer เสิร์ฟคอร์สอาหารอิตาเลียนเป็นอาหารเย็นเช่นเดียวกับที่พักอื่นๆ ในฮาคุบะ มื้อเย็นของเราประกอบด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยนานาชนิด ซุปมิเนสโตรเน่ เนื้อวัวเป็นอาหารจานหลัก ตบท้ายด้วยของหวานคือทาร์ตแอปเปิ้ลและไอศกรีมวานิลลา อาหารถูกปรุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟประจำครัวที่จะแวะมาคลุกคลีกับแขกระหว่างคอร์สอาหารเป็นครั้งคราว ร้านอาหารของ Reposer ยังเสิร์ฟอาหารค่ำตามสั่งสำหรับแขกที่ไม่ได้เข้าพักด้วย ซึ่งที่นี่ก็ถือเป็นร้านโปรดของผู้ที่มาเยือนฮาคุบะเป็นประจำ

 

วันที่ 2: ขี่จักรยานเที่ยวฮาคุบะ

ขี่จักรยานไปรอบๆ หมู่บ้านในฮาคุบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

ในวันที่สอง พวกเราเช่าจักรยานไฟฟ้าไปปั่นเที่ยวเล่นรอบๆ หมู่บ้านในฮาคุบะ จักรยานนี้มีมอเตอร์ขนาดเล็กสำหรับช่วยปั่น ทำให้ปั่นขึ้นทางลาดชันได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ฟังพนักงานร้านเช่าจักรยานอธิบายวิธีการใช้งานจักรยานไฟฟ้าแล้ว พวกเราก็ฝึกปั่นนิดๆ หน่อยๆ แล้วเริ่มขี่จักรยานกัน

 

การขี่จักรยานรับแสงแดดยามเช้าเป็นอะไรที่รู้สึกดีเอามากๆ ฮาคุบะมีเส้นทางปั่นจักรยาน ดังนั้นคุณจะไม่หลงทางหากขี่ไปตามสัญลักษณ์จักรยานที่เรียงตามลำดับเลขค่ะ!

 

พักเติมพลังระหว่างปั่นจักรยานเที่ยวรอบๆ ฮาคุบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

ฮาคุบะมีคาเฟ่และร้านเบเกอรี่เก๋ๆ มากมาย พวกเราเลยแวะไปเติมพลังระหว่างทาง โดยเราเลือกซื้อขนมปังจากร้าน quaint ซื้อกาแฟที่ Satoru Coffee และซื้อทาโกยากิจากร้าน Pochi-no-takoyaki

 

ทิวทัศน์อันงดงามที่สวนโออิเดะ (大出公園)

สะพานแขวนโออิเดะ (ซ้าย) วิวของสวนโออิเดะในฤดูร้อน (ขวาบน) และในฤดูใบไม้ผลิ (ขวาล่าง) (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

จากนั้นเราก็ไปที่สวนโออิเดะ (大出公園 โออิเดะ โคเอ็น) สวนสาธารณะอันสวยงามที่มาพร้อมทิวทัศน์แบบเทพนิยายราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดเลยทีเดียว! ดูวิวนั่นสิคะ! วิวแบบนี้แหละคือหนึ่งในเหตุผลที่พวกเราคิดว่าฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวฮาคุบะมากที่สุด

 

วิวที่สวนแห่งนี้ดูสวยงามน่าหลงใหลเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเราจะได้เห็นดอกซากุระกับฉากหลังเป็นภูเขาและหิมะบนยอด โดยมีแม่น้ำฮิเมะ (姫川 ฮิเมะกาวะ) ไหลผ่านอยู่เบื้องหน้า ที่สวนโออิเดะแห่งนี้ยังมีสะพานแขวนโออิเดะ (大出吊り橋 โออิเดะ ทสึริบาชิ) ซึ่งเป็นสะพานแขวนไม้ที่เป็นไฮไลท์ของสวนแห่งนี้ด้วย

 

ทานอาหารกลางวันที่คัปปะเทอิ (かっぱ亭)

ระหว่างรออาหารกลางวัน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

หลังจากที่แวะไปเที่ยวสวนแล้ว เราก็ไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านคัปปะเทอิ (かっぱ亭) คาเฟ่สไตล์โบราณที่อยู่ใกล้ๆ กับสะพานแขวน คาเฟ่แห่งนี้เป็นบ้านเก่าอายุ 100 ปีที่ถูกรีโนเวทใหม่ บรรยากาศภายในร้านจัดว่าดีทีเดียว ที่นี่คุณจะได้เอร็ดอร่อยกับวัตถุดิบท้องถิ่นของฮาคุบะ เช่น หมูชินชูกินโจ (信州吟醸豚) และปลาแซลมอนชินชู (信州サーモン) เป็นต้น เราทานแซลมอนชินชูกันค่ะ อร่อยมากๆ เลย

 

หลังจากที่ทานแซลมอนชินชูแสนอร่อยแล้ว พวกเราก็ขึ้นปั่นจักรยานไฟฟ้าต่อไปยังจุดหมายต่อไปนั่นคือ สะพานมัทสึคาวะ เพื่อไปชมวิวแม่น้ำมัทสึนั่นเอง

 

คลายร้อนที่แม่น้ำมัทสึ (松川)

วิวของแม่น้ำมัทสึจากบนสะพานฮาคุบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)

 

แม่น้ำมัทสึสีฟ้าสดใสสายนี้ไหลลงมาจากหุบเขาหิมะ ฮาคุบะ ไดเซ็คเค (白馬大雪渓 Hakuba Daisekkei) โดยตรง เป็นทั้งวิวที่สวยงามและสถานที่คลายร้อนในฤดูร้อน ถ้าคุณอยากได้ภาพวิวแม่น้ำมัทสึสวยๆ แนะนำให้ขึ้นไปบนสะพานมัทสึคาวะ (松川大มัทสึคาวะ โอฮาชิ) หรือสพานฮาคุบะ (白馬大橋 ฮาคุบะ โอฮาชิ) จะได้ภาพที่ดีที่สุดแน่นอนค่ะ

 

เดินทางจากสะพานมัทสึคาวะไปยังสะพานฮาคุบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akinori Ueno)

 

Tip: ในการเดินทางระหว่างสะพานทั้งสองให้ขี่จักรยานเลียบแม่น้ำไปค่ะ วิวสวยมากๆ และความรู้สึกตอนที่ลมเย็นปะทะหน้าตอนที่ปั่นจักรยานก็สดชื่นมากๆ เลย

 

ในขณะที่เราขี่จักรยานไปเรื่อยๆ ยอดเขาฮาคุบะซันซังก็ปรากฏสู่สายตา ช่างน่าทึ่งที่ยอดเขาทั้งสามได้แก่ ชิโรอุมะดาเคะ (2,932 เมตร), ชะกุชิดาเคะ (2,812 เมตร) และฮาคุบะ ยาริงาทาเคะ (2,903 เมตร) ที่เรียกรวมกันว่า ฮาคุบะซันซัง 白馬三山 สามภูเขาแห่งฮาคุบะ) ดูเหมือนอยู่ใกล้เรามากๆ และแม้จะเป็นหน้าร้อนแต่บนยอดเขาก็ยังคงมีหิมะอยู่นิดหน่อย

 

ลงน้ำคลายร้อนในแม่น้ำมัทสึ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)

 

นอกจากการชมวิวสวยๆ ของแม่น้ำที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลังแล้ว ก็ขอเชิญชวนให้ไปที่สวนมัทสึคาวะ คะเซ็น (松川河川公園 มัทสึคาวะ คะเซ็น โคเอ็น) แล้วลงจุ่มเท้าแช่น้ำเย็นใสสะอาดเพื่อดับร้อนกันด้วยเลยค่ะ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับสะพานฮาคุบะ แม้ว่าพวกเราจะเหนื่อยล้าหลังจากทานอาหารและปั่นจักรยานมาครึ่งวัน แต่ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ลงเล่นน้ำเย็น ๆ ในแม่น้ำมัทสึ

 

ซันดันโคโยที่ฮาคุบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)

 

ทริปของเราเป็นการไปฮาคุบะในช่วงฤดูร้อน แต่เราอยากกลับมาอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงเพื่อไปดูซันดันโคโยค่ะ ในฤดูใบไม้ร่วงจะมีปรากฏการณ์ที่สวยงามเรียกว่า ซันดันโคโย (三段紅葉 สีสันสามชั้นฤดูใบไม้ร่วง) โดยบนภูเขาสูงหิมะจะเริ่มตกเร็วกว่า ในขณะที่ภูเขาตอนล่างยังคงเป็นฤดูใบไม้ร่วง และที่ระดับพื้นดินต้นไม้ยังเป็นสีเขียวอยู่ ทำให้เราเห็นวิวธรรมชาติสามสีได้แก่ สีขาว สีส้ม และสีเขียว ได้พร้อมๆ กัน

 

Hakuba Ski Jumping Stadium (白馬ジャンプ台)

ปั่นจักรยานมุ่งไปยัง Hakuba Ski Jumping Stadium (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akinori Ueno)

 

หลังจากที่ดับร้อนกันที่แม่น้ำมัทสึแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยัง Hakuba Ski Jumping Stadium (白馬ジャンプ台 ฮาคุบะ จัมปุได) เพราะมีจักรยานไฟฟ้าเช่าที่พึ่งพาได้ ทำให้การปั่นจักรยานไปตามเส้นทางลาดชันจากสะพานฮาคุบะไปยังสนามกีฬาไม่ใช่เรื่องยากเลย! เส้นทางนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียวขจี และเรายังได้เพลิดเพลินไปกับวิวภูเขาสูงตระหง่านตรงหน้าในระหว่างที่ขี่จักรยานไปด้วย

 

ไม่นานนักเราก็มองเห็นสนามกีฬาอยู่ไกลๆ Hakuba Ski Jumping Stadium เคยถูกใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะในปีค.ศ. 1998 ที่นี่มีเนินกระโดด 2 เนิน ความสูง 90 เมตร และ 120 เมตร

 

Hakuba Ski Jumping Stadium (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh (left) and Akio Kobori (right))

 

คุณสามารถขึ้นแชร์ลิฟต์ไปยังจุดสูงสุดของเนินสกีกระโดดได้โดยเสียค่าเข้าเพียงเล็กน้อย บนนั้นสูงมาก จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวความสูงนะ จากบนยอดคุณจะได้สัมผัสความรู้สึกเดียวกับนักกีฬาตอนที่เตรียมจะกระโดดลงมา พอมองดูความสูงของภูเขาแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่านักกีฬาเขาใจกล้ากระโดดลงมาได้ยังไงกันนะ นักกีฬาเขาใจแกร่งกันจริงๆ

 

ผ่อนคลายที่ออนเซ็นเท้า

ออนเซ็นแช่เท้าแห่งหนึ่งในฮาคุบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Yuya Kumazaki)

 

หลังจากที่เดินทางออกสำรวจมาทั้งวัน ในที่สุดเราก็ได้มาแวะพักผ่อนกันที่ออนเซ็นเท้า (足湯 อาชิยุ) แห่งหนึ่งในฮาคุบะเพื่อคลายความเหนื่อยล้า มีออนเซ็นเท้าแบบนี้อยู่มากมายทั่วทั้งหมู่บ้านซึ่งส่วนใหญ่สามารถแช่ได้ฟรี และบางจุดก็มองเห็นวิวของภูเขาที่สวยงามโดยรอบด้วย

 

แผนที่เส้นทางปั่นจักรยาน ดัดแปลงจาก แผนที่เส้นทางปั่นจักรยาน ที่ตีพิมพ์โดย Tourism Commission of Hakuba Village 

 

ภาพด้านบนคือแผนที่เส้นทางปั่นจักรยานในวันที่ 2 เราออกเดินทางและกลับมาสิ้นสุดที่ศูนย์ข้อมูลฮัปโป (八方インフォメーションセンター Happo Information Center) ซึ่งเป็นที่ที่เราเช่าจักรยานไฟฟ้ามา

 

เส้นทาง:
ศูนย์ข้อมูลฮัปโป → ①koubo-nikki (เบเกอรี่) → ②satoru coffee → ③Pochi no Takoyaki → ④สวนโออิเดะ / สะพานแขวนโออิเดะ → ⑤Kappatei (มื้อกลางวัน) → ⑥สะพานมัทสึคาวะ → ⑦สะพานฮาคุบะ / สวนมัทสึคาวะ คะเซ็น → ⑧Hakuba Ski Jumping Stadium → ศูนย์ข้อมูลฮัปโป

 

วันที่ 3: ชมวิวภูเขาอันสวยงาม

มอร์เกินโร้ทสุดแสนอัศจรรย์

วิวปรากฏการณ์มอร์เกินโรทบนเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือจากโรงแรม (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akinori Ueno)

 

คืนนั้นพวกเราหลับเป็นตายหลังจากที่ปั่นจักรยานจนเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ความเหนื่อยก็หยุดพวกเราให้ตื่นแต่เช้าตรู่มาชมพระอาทิตย์ขึ้นไม่ได้ เช้าวันที่ 3 ฟ้าปลอดโปร่ง ทำให้เราโชคดีได้เห็นปรากฏการณ์มอร์เกินโรท (モルゲンロート morgenrot) อันแสนมหัศจรรย์

 

ชื่อปรากฏการณ์นี้มาจากคำในภาษาเยอรมันคือ “ตอนเช้า” (morgen) และ “สีแดง” (rot) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์สาดแสงสีแดงบนยอดเขา ซึ่งจะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษหากบนยอดเขามีหิมะด้วย (เพื่อให้เห็นสีแดงได้ชัดขึ้น) แต่ก็ยังเป็นภาพที่น่าตื่นตาในฤดูร้อนเช่นกัน

 

วิวเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือในยามเช้า (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akinori Ueno)

 

ห้องพักทั้ง 6 ห้องของโรงแรม Reposer สามารถมองเห็นวิวภูเขาได้ และคุณสามารถชมทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือรวมถึงฮาคุบะซันซังได้จากบนเตียงเลย อากาศยามเช้าทั้งบริสุทธิ์และสดชื่น พวกเราก็เลยเดินเล่นรอบๆ โรงแรมเพื่อชมความยิ่งใหญ่ของผู้เขาและดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเงียบสงบ การได้ตื่นขึ้นมาสูดอากาศบนภูเขาและชมทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขาแอลป์เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเสมอ และการได้ใกล้ชิดกับภูเขาที่ฮาคุบะก็ทำให้เราตื่นเต้นได้ตลอดเลยจริงๆ ค่ะ!

 

ที่ราบสูงคิตาโอเนะ (北尾根高原)

ทำกิจกรรมสนุกๆ ณ ที่ราบสูงคิตาโอเนะในฤดูร้อน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)

 

หลังจากที่ทานอาหารเช้าสไตล์ตะวันตกมื้อหรูจนอิ่มแล้ว พวกเราก็ขึ้นลิฟต์คิตาโอเนะไปยังที่ราบสูงคิตาโอเนะ (北尾根高原 คิตาโอเนะ โคเก็น) ที่ราบสูงคิตาโอเนะที่ความสูง 1,200 เมตร มีระเบียงที่มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของยอดเขาโดยรอบและหุบเขาด้านล่างได้ด้วยค่ะ

 

วิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ จากที่ราบสูงคิตาโอเนะ (เครดิตรูปภาพ: 八方尾根開発(株))

 

ถ้าคุณมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ขอแนะนำให้ไปที่ราบสูงคิตาโอเนะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อชมทิวทัศน์อันน่าอัศจรรย์ใจค่ะ! พวกเรามาที่นี่ในวันธรรมดาก็เลยไม่ได้เห็น แต่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงจะมีทัวร์ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เรียกว่า ทัวร์มอร์เกินโรท โกะไรโค (モルゲンロートご来光ツアー) เพื่อชม โกะไรโค (ご来光 พระอาทิตย์ขึ้นจากภูเขา) ด้วย

 

ปรากฏการณ์มอร์เกินโรทอันน่าอัศจรรย์จากที่ราบสูงคิตาโอเนะ (เครดิตรูปภาพ: 八方尾根開発(株))

 

ถ้าสภาพอากาศเป็นใจ คุณจะสามารถเห็นปรากฏการณ์มอร์เกินโรทจากที่ราบสูงคิตาโอเนะด้วย ซึ่งวิวของมอร์เกินโรทจะสวยงามยิ่งขึ้นอีกเมื่อภาพสะท้อนในบ่อน้ำนิ่ง ที่นี่พระอาทิตย์จะขึ้นประมาณช่วงตี 4 ครึ่งถึงตี 5 และลิฟต์คิตาโอเนะก็เปิดให้บริการในช่วงเวลานั้นพอดีค่ะ

 

ทัวร์มอร์เกินโรท์ โกะไรโค ณ ที่ราบสูงคิตาโอเนะ (Video credit: Hakuba Happo-one)

 

ทัวร์นี้จำเป็นต้องจองล่วงหน้า โดยต้องจองก่อนเวลา 16.00 น. ของวันก่อนหน้า ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3,000 เยนต่อคน ซึ่งรวมค่าขึ้นกระเช้ากอนโดลาไป-กลับ ค่าอาหารเช้า และค่ารถรับส่งจากศูนย์ข้อมูลฮัปโปเรียบร้อยแล้ว หากสภาพอากาศไม่ดีจนทำให้ทัวร์ต้องยกเลิก จะมีการแจ้งให้ทราบภายในเวลา 15.00 น. ก่อนวันทัวร์ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์ได้ที่นี่ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)

 

เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติ ณ ที่ราบสูงคิตาโอเนะ (เครดิตรูปภาพ: 八方尾根開発(株))

 

อุณหภูมิบนที่ราบสูงคิตาโอเนะจะเย็นกว่าที่หมู่บ้านด้านล่างเนื่องจากอยู่ในระดับที่สูงขึ้นมา ที่นี่พวกเราได้สนุกไปกิจกรรมต่างๆ เช่น ปิกนิก นอนเล่นบนเปลญวนและลานชมวิว แล้วก็เดินป่า ที่นี่มีเส้นทางหลากหลายแบบให้เลือกตามระดับความฟิตของแต่ละคน มีแม้กระทั่งอ่างน้ำอัลคาไลน์สำหรับแช่เท้าที่หันหน้าหายอดเขาซึ่งผ่อนคลายมากๆ และทำให้ได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์แบบพาโนรามาอีกด้วย

 

เดินเขาไปยังบ่อน้ำฮัปโป (八方池) และสถานที่อื่นๆ

บ่อน้ำฮัปโปอันงดงาม (เครดิตรูปภาพ: Tourism Commission of Hakuba Village / JNTO)

 

ถ้าคุณชอบกิจกรรมแนวผจญภัยหน่อยๆ แนะนำให้ลองเดินเขาไปยังบ่อน้ำฮัปโปดูค่ะ บ่อน้ำนี้สวยงามมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่น้ำนิ่งและมองเห็นเงาสะท้อนอันสมบูรณ์แบบของภูเขาสูงตระหง่าน

 

จากที่ราบสูงคิตาโอเนะ มีรถชัทเทิลบัสฟรีไปส่งที่ลิฟต์คุโรบิชิ หลังจากขึ้นลิฟต์คู่ คุโรบิชิ#3 ไปยังคุโรบิชิไดระแล้ว ให้ไปขึ้นลิฟต์ Grat Quad Lift ต่อ บ่อน้ำฮัปโปจะอยู่ห่างจากลิฟต์นี้ไปประมาณ 90 นาทีโดยการเดิน

 

หรือถ้าคุณไม่ได้ไปที่ราบสูงคิตาโอเนะ ก็สามารถเลือกเดินทางไปยังบ่อน้ำฮัปโปโดยการขึ้น Happo Gondola Lift Adam → Alpen Quad Lift → Grat Quad Lift ได้เช่นกัน

 

เดินเขารอบๆ บ่อน้ำฮัปโป (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

สภาพอากาศบนภูเขาเปลี่ยนไปตลอดเวลา ดังนั้นขอให้เตรียมตัวสู้แดดสู้ฝนให้ดี บ่อน้ำฮัปโปอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,060 เมตร ทำให้บางวันคุณอาจจะได้เห็นทะเลหมอก (雲海 อุนไค) แบบใกล้ๆ เลย ถึงแม้ว่าการเดินเขาไปยังบ่อน้ำฮัปโปจะต้องปีนป่ายหินบ้าง แต่ว่าก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคนที่ร่างกายฟิตพอประมาณค่ะ (ตอนที่ฉันไปเจอคนสูงวัยไม่น้อยเลยหละ!)

 

มองขึ้นไปยังยอดเขาคารามัทสึ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)

 

ถ้าใครชอบเดินเขาก็สามารถเดินต่อจากบ่อน้ำฮัปโปไปยังยอดเขาคารามัทสึ (唐松岳 คารามัทสึดาเคะ) ได้ การเดินใช้เวลานาน 3 ชั่วโมง จึงไม่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวสายชิลนะคะ เพราะว่าคุณจำเป็นต้องมีรองเท้าเดินเขาและอุปกรณ์สำหรับสภาพอากาศที่เปียกชื้นโดยเฉพาะเพื่อปีนขึ้นไปยังยอดเขาที่ความสูง 2,696 เมตร

 

วิวจากยอดเขาคารามัทสึ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)

 

การยืนบนยอดเขาสูงทำให้ฉันได้คิดไตร่ตรองเสมอว่าปัญหาทั้งหมดของตัวเองดูเล็กมากเมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้ คุณสามารถปีนเขาคารามัตสึแบบไปเช้าเย็นกลับได้ทันถ้าเริ่มปีนตั้งแต่เช้า แต่คุณก็สามารถค้างคืนที่กระท่อมบนภูเขาเพื่อรอชมโกไรโในเช้าวันรุ่งขึ้นได้ การชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือเมฆเป็นภาพที่น่าหลงใหลจริงๆ ค่ะ ถ้าอากาศแจ่มใส ภาพของโกไรโอันสวยงามจะฝังลึกลงไปในความทรงจำของคุณอย่างแน่นอน

 

นอกจากนี้กระท่อมบนภูเขาคารามัตสึยังเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไปแบบเช้าเย็นกลับด้วย โดยคุณสามารถแวะเข้าไปนั่งพักผ่อนหรือหาอะไรกินได้ การได้จิบเครื่องดื่มเย็นๆ หลังจากเดินขึ้นเขาเป็นเวลานานช่วยให้รู้สึกสดชื่นและเป็นเหมือนรางวัลหลังจากการปีนเขามาทั้งวันเลยทีเดียว

 

การเดินทางไปฮาคุบะ

ทิวทัศน์ที่สวยงามและกิจกรรมสนุกสนานมากมายทำให้ฮาคุบะเป็นหมู่บ้านที่น่าตื่นตาตื่นใจและกำลังกลายเป็นหนึ่งในสถานที่สุดโปรดของเราอย่างรวดเร็ว อย่าคิดว่ามาที่นี่ต้องมาฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ เพราะในฤดูร้อนก็เหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งเช่นกัน

 

ด้านนอกสถานี JR Hakuba (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akinori Ueno)

คุณสามารถเดินทางไปฮาคุบะได้อย่างสะดวกทั้งโดยรถไฟและรถบัสจากโตเกียวและเมืองต่างๆ รอบๆ นากาโนะ:

 

จากสถานี JR Shinjuku (新宿駅):

  • รถไฟ: 3 ชั่วโมง 40 นาที โดย Limited Express Azusa โดยตรง
  • บัส: 5 ชั่วโมง

จากสถานี JR Matsumoto (松本駅):

  • รถไฟ: 1 ชั่วโมง โดย Limited Express Azusa
  • รถไฟ: 2 ชั่วโมง โดย Resort View Furusato หรือรถไฟสายท้องถิ่น

จากสถานี JR Nagano (長野駅):

  • รถไฟ: ประมาณ 3 ชั่วโมงโดยรถไฟสายท้องถิ่น
  • บัส: 1 ชั่วโมง 

 

Resort View Furusato

Resort View Furusato กับเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือเป็นฉากหลัง (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณไปเที่ยวฮาคุบะจากนากาโนะหรือมัทสึโมโตะในวันหยุดสุดสัปดาห์ ขอแนะนำให้นั่งรถไฟ Resort View Furusato ซึ่งเป็น Joyful Train ที่จะทำให้คุณได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือของญี่ปุ่นในขณะที่แล่นไปตาม Oito Line ซึ่งขนานไปกับภูเขาเหล่านี้ จากหน้าต่างบานใหญ่บนรถไฟ คุณจะได้เห็นวิวของยอดเขาสูงลิ่วซึ่งหลายลูกมีความสูงเกือบ 3,000 เมตร

 

กิจกรรมต่างๆ บนรถไฟ Resort View Furusato (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ไฮไลท์ของรถไฟขบวนนี้คือมีกิจกรรมสนุกๆ ตามสถานีต่างๆ มากมายตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์มุมสูงของที่ราบเซ็นโคจิ ที่สถานี Obasute (捨捨駅) สำรวจศาลเจ้าโฮทากะกับมิโกะที่สถานี Hotaka (穂高駅) ลิ้มลองของว่างและเครื่องดื่มท้องถิ่นที่สถานี Shinano-Omachi (信濃大町駅) และอื่นๆ อีกมากมาย

 

จากสถานี Nagano รถไฟ Resort View Furusato จะวิ่งผ่านสถานี Matsumoto ก่อนที่จะไปถึงสถานี Hakuba สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถไฟ สามารถดูได้ที่  บทความนี้ และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของรถไฟ ที่นี่ ตั๋วรถไฟเที่ยวเดียวสำหรับรถไฟ Resort View Furusato จากมัตสึโมโตะไปฮาคุบะราคา 1,700 เยน และจากนากาโนะไปฮาคุบะ 2,840 เยน

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

บัตรโดยสาร JR EAST PASS รูปแบบใหม่ (Nagano, Niigata area) และพื้นที่ที่ใช้ได้. (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณต้องการเดินทางไปเที่ยวฮาคุบะหรือท่องเที่ยวในส่วนอื่นๆ ของจังหวัดนากาโนะ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋วโดยสารราคาย่อมเยาที่ให้บริการรถไฟ JR East ได้ไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟ Joyful Train เช่น Resort View Furusato) ในพื้นที่ที่ใช้ได้ตลอดระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 18,000 เยน จะถูกกว่าการซื้อตั๋วไป-กลับระหว่างสนามบินนาริตะและฮาคุบะ (~21,000 เยน) คุณยังสามารถสำรองที่นั่งรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษบางขบวนแบบออนไลน์ได้ฟรีล่วงหน้านานสุด 1 เดือน ที่นี่

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถใช้งานได้กับประตูอัตโนมัติ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างประเทศที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋ว Pass นี้ได้เช่นกัน

 

เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: 八方尾根開発(株)
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner